window.dataLayer = window.dataLayer || []; function gtag(){dataLayer.push(arguments);} gtag('js', new Date()); gtag('config', 'G-HT69D45H8X');

เข้าใจ Adolescence ต้นตอปัญหาของเด็กคนหนึ่งซึ่งนำไปสู่การก่ออาชญากรรม ซึ่งนำไปสู่การก่ออาชญากรรม

เมื่อ 3 วันที่แล้ว
ต้นตอปัญหาของเด็กคนหนึ่งซึ่งนำไปสู่การก่ออาชญากรรม บทความโดย #มัมมี่Bชวนเมาท์
.
มัมมี่B ได้มีโอกาสดูซีรีย์ ‘#Adolescence’ ทาง Netflix #ในฐานะแม่คนหนึ่งที่ลูกกำลังเข้าสู่วัยรุ่น รู้สึกว่ามีหลายแง่มุมที่พวกเราพ่อแม่อาจคิดไม่ถึงซึ่งมีผลต่อลูกอย่างมาก เลยอยากชวนดูและคิดตามไปด้วยกันว่า
.
อะไรที่ทำให้ “เจมี่” เด็กชายธรรมดาวัย 13 ปีในครอบครัวที่อบอุ่น กลายเป็นเด็กที่ใช้ความรุนแรงก่ออาชญากรรมกับ “เคธี่” เพื่อนนักเรียนหญิงร่วมชั้นจนถึงแก่ชีวิต
.
Spoiler Alert ***
บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาซีรีส์ ***
.
#พื้นฐานครอบครัว
เจมี่เกิดในครอบครัวปกติที่เห็นได้ทั่วไปใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย แม่และพี่สาวของเขาเป็นคนใจดี ส่วนพ่อเป็นผู้นำที่รักครอบครัว ทุกคนในบ้านเกรงใจและเชื่อฟังคำสั่งพ่อ แม้พ่อจะไม่มีเวลาให้มากนักแต่เด็กชายก็รู้ดีว่า พ่อรักและทำงานหนักเพื่อทุกคน เจมี่รักและเทิดทูนพ่อมาก #สำหรับเขาพ่อคือคนสำคัญที่สุด
.
พ่อเติบโตมากับปู่ที่ทุบตีและใช้ความรุนแรง พ่อสัญญากับตัวเองว่าจะไม่มีวันส่งต่อความรุนแรงให้กับลูก
.
พ่อและเจมี่เป็นคนขี้โมโห ครั้งหนึ่งพ่อโกรธมากอาละวาดพังโรงรถเสียหายแต่ก็ไม่เคยลงมือกับลูกเลยสักครั้ง ในบ้านไม่เคยมีการพูดคุยถึงเรื่องวิธีจัดการอารมณ์และความรู้สึกอย่างเหมาะสม
.
หลังจากที่พ่อแม่ซื้อคอมพิวเตอร์ส่วนตัวให้กับเจมี่ ประตูห้องของเขาก็ถูกปิดล็อคอยู่เสมอ ต่างฝ่ายต่างมีภาระหน้าที่และไม่มีเวลา เขากับพ่อแม่จึงแทบไม่ค่อยได้พูดคุยกัน
.
#โรงเรียนและสังคมรอบตัว
“เด็กเหลือขอ” คือ ความคิดของครูที่มีต่อนักเรียนโดยครูจะเพียงสอนให้ผ่านไป ใช้อำนาจและการลงโทษเพื่อควบคุมเด็ก
.
ในโรงเรียนมีการล้อเลียน กลั่นแกล้ง ใช้ความรุนแรงต่อกันราวกับเป็นเรื่องปกติ นักเรียนส่วนใหญ่มองว่าเป็นเรื่องสนุก โรงเรียนและครูไม่ใส่ใจในปัญหา เจมี่และเพื่อนสนิทของเขาเป็นเป้าถูกกลั่นแกล้งและถูกแอนตี้จากกลุ่มเพื่อนเช่นกัน
.
#การใช้สื่อโชเชี่ยลและโลกออนไลน์
มีการใช้โลกโซเชียลเพื่อกลั่นแกล้งกันในกลุ่มเพื่อน ส่งต่อภาพที่น่าอายของเพื่อนหญิงด้วยความคึกคะนอง
.
เจมี่ขอออกเดทกับเคธี่แต่ถูกปฎิเสธ หลังจากนั้น เคธี่และเพื่อนๆ มักคอมเมนท์ล้อเลียนเจมี่ผ่าน IG ด้วยศัพท์คำว่า “อินเซล’ เป็นคำที่ใช้เรียกแทนคนกลุ่มหนึ่งบนโลกออนไลน์ มีนัยยะว่า เป็นกลุ่มผู้ชายในแบบผู้หญิงไม่ต้องการ มีแนวคิดชายเป็นใหญ่ เหยียดและต่อต้านผู้หญิง
.
ในการพูดคุยกับนักจิตวิทยาระหว่างการสอบสวน เจมี่เล่าว่าพ่อชอบกีฬาแต่เขาไม่ชอบ พ่อพาเขาไปแข่งฟุตบอลอยู่บ่อยๆโดยพ่อจะคอยเชียร์เขาอยู่เสมอ แต่เจมี่ทำได้ไม่ดีนัก ทุกครั้งที่เล่นพลาด เขามักจะเห็นพ่อเมินหน้าหนีไปทางอื่น
.
“พ่อคงอายที่มีลูกอย่างผม ผมไม่เก่งสักอย่าง ผมน่าเกลียดและไม่มีผู้หญิงชอบ”

“คุณต้องพูดสิว่าพ่อไม่ได้อายที่มีลูกอย่างผม! เธอคิดไปเอง เจมี่ พ่อไม่ควรอับอายในตัวลูก! “เจมี่ตะโกนใส่นักจิตวิทยาด้วยท่าทีขมขื่น อารมณ์แปรปรวนไปมา
.
เจมี่พูดถึงเพศหญิงในเชิงข่มและเหยียดอย่างเห็นได้ชัด ในขณะเดียวกันก็แสดงความไม่ชอบตัวเอง รู้สึกไร้ค่าและไม่มีใครต้องการ แต่ลึกๆ ในใจโหยหาการยอมรับ เจมี่ถามนักจิตวิทยาก่อนที่เขาจะอาละวาดจนถูกคุมตัวออกไป
.
“คุณชอบผมไหม ผมชอบคุณไม่ใช่ฐานะผู้หญิงแต่เป็นคนๆ หนึ่ง คุณไม่ชอบผมสักนิดเลยเหรอ หรือคิดอย่างไรกับผม”
.
สำหรับคนทั่วไป สิ่งที่เคธี่ทำอาจเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับเจมี่อาจเป็นการใช้ก้อนหินปาลงกลางบาดแผลในใจเขา ตะกอนความรู้สึก “ไร้ค่า” ฟุ้งกระจาย ปกคลุมไปทั่วจิตใจของเด็กชายจนดำมืดสนิท สุดท้ายเขาจึงเลือกทำเรื่องที่น่าเสียใจที่สุด
.
จากเรื่องราวทั้งหมด เราคิดว่าอะไรคือต้นตอของปัญหาที่เกิดขึ้น ?
ในฐานะพ่อแม่เราเรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้ ?
.
It takes a village to raise a child
มีคำกล่าวว่า การเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งต้องใช้คนทั้งหมู่บ้าน
.
การเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้เติบโต ประกอบด้วยปัจจัยหลายด้านที่มีผลต่อนิสัย ความคิดและการกระทำของเด็ก เช่น พื้นอารมณ์ที่ติดตัวมา การเลี้ยงดูจากครอบครัว สภาพแวดล้อมที่โรงเรียนและสังคมรอบข้าง และในปัจจุบัน สังคมในโลกออนไลน์นั้นมีอิทธิพลต่อความคิดและการกระทำของเด็กและวัยรุ่นอย่างมาก
.
การเลี้ยงดูจากครอบครัว มีความสำคัญและมีอิทธิพลกับเด็กอย่างที่สุด #การรู้สึกเป็นที่รักและได้รับการยอมรับจากครอบครัวโดยเฉพาะจากพ่อแม่ คือสิ่งที่ลูกต้องการและขาดไม่ได้เลย
.
เด็กที่รู้สึกไม่ได้รับการยอมรับจากพ่อแม่ อาจมีปัญหาทางอารมณ์และจิตใจ วิตกกังวล เครียดโมโหง่ายจนกลายเป็นความก้าวร้าว ต้องการยอมรับจากผู้อื่นอย่างมากโดยอาจไม่สนใจในวิธีการที่ถูกหรือผิด
.
และจิตใจที่ขาดความมั่นคงของเด็กมักจะถูกกระตุ้นและชักจูงไปในทางที่ผิดได้โดยง่าย
.
#เพราะการเลี้ยงดูลูกคือหน้าที่ของพ่อแม่ควรทำให้ดีที่สุด
ศึกษาวิธีการเลี้ยงดูที่ถูกต้องเหมาะสมกับลูกของเรา เป็นตัวอย่างในการใช้ชีวิตที่ดีให้ลูกเท่าที่จะทำได้
.
แต่พ่อแม่ก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบ สามารถทำผิดพลาดได้ด้วยความไม่รู้เสมอ และพ่อแม่ก็ไม่สามารถอยู่กับลูกตลอดเวลา ในบางครั้งจึงจำเป็นต้องได้รับการความช่วยเหลือจากผู้อื่นบ้าง
.
ผู้คนรอบข้างควรเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็ก ช่วยเหลือ อบรมสั่งสอนเขา เช่น คุณครู โรงเรียน เพื่อน ญาติ เพื่อนบ้านหรือผู้ใหญ่รอบตัว
.
#โรงเรียนคือบ้านหลังที่สอง
โรงเรียนที่ดีจะช่วยให้ลูกพัฒนาและเติบโตทั้งทางด้านวิชาการ อารมณ์ สังคม และจริยธรรมในการอยู่ร่วมกัน โรงเรียนจึงควรเป็นบ้านหลังที่สองที่ปลอดภัยและอบอุ่น
.
เมื่อเด็กพบเจอกับปัญหา เช่น ด้านการเรียน การกลั่นแกล้ง หรือใช้ความรุนแรง เป็นเรื่องสำคัญที่ทางโรงเรียนจะต้องจัดการช่วยเหลือโดยทันที พ่อแม่ คุณครู และทางโรงเรียน จะต้องร่วมมือกันแก้ไขอย่างจริงจัง
.
#โลกออนไลน์มีอิทธิพลต่อเด็กและวัยรุ่นอย่างมาก
โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่น วัยที่ต้องการแสดงตัวตน ต้องการกลุ่มเพื่อนและการได้รับยอมรับอย่างที่สุด
.
เด็กจะซึมซับทัศนคติทางลบ ความรุนแรง และถูกสังคมบนโลกออนไลน์ชักจูงไปในทางผิดได้ง่าย โดยเฉพาะเด็กที่ขาดความมั่นคงในจิตใจ ไม่มีสังคมและไม่ได้การยอมรับในชีวิตจริง
.
ถึงแม้ลูกจะอยู่แต่ในบ้าน ยุคออนไลน์ คนแปลกหน้า มิจฉาชีพ ความรุนแรง และภัยคุกคามสามารถเข้ามาหาลูกได้ถึงในห้องตลอดเวลา
.
พ่อแม่จึงต้องเป็นพื้นที่ปลอดภัย ให้ความสำคัญกับการพูดคุยกับลูกบ่อยๆ ดูแลสอดส่องในการใช้โซเชียลมีเดีย สอนให้ลูกเรียนรู้การใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัยและเหมาะสม
.
สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดในวันนี้ คือ การมอบความรักให้ลูกอย่างไม่มีเงื่อนไข ยอมรับในสิ่งที่ลูกเป็นทำให้เขารู้ถึงคุณค่าในตัวเอง ปลูกฝังวินัยและทักษะในการใช้ชีวิตให้เหมาะสมทุกช่วงวัย ไปพร้อมกับการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูก
.
สอนให้ลูกรู้จักและเข้าใจเรียนรู้วิธีจัดการอารมณ์และความรู้สึก ให้เวลาในการพูดคุยรับฟังลูกบ่อยๆ เป็นคนแรกที่เขาจะนึกถึงในวันที่เผชิญหน้ากับความกดดันหรือปัญหา
.
ทุกสิ่งที่ทำพ่อแม่หวังเพียงว่า เมื่อลูกพบเจอกับผู้คนหรือสังคมที่โหดร้าย ทำร้ายเขา หรือพยายามชักจูงไปในทางที่ผิด ทักษะชีวิตและจริยธรรมที่ลูกมีติดตัว การรับรู้ถึงคุณค่าในตนเอง ความแข็งแกร่งและความมั่นคงภายในจิตใจ จะทำให้ลูกสามารถปกป้องและพาตัวเองผ่านพ้นความเสี่ยงและอันตรายต่างๆไปได้
.
เพราะลูกและครอบครัวของเราอาจรอดได้ยากในสังคมที่โหดร้ายและไปไม่รอด เราทุกคนจึงต้องช่วยกันที่จะศึกษาเรียนรู้และลงมือทำในวันนี้ เพื่อสังคมที่ดี และไม่มีใครควรที่จะต้องเสียใจในภายหลัง
.
Net PAMA ขอเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสังคมที่ปลอดภัยให้สำหรับทุกครอบครัว สำหรับพ่อแม่ที่ต้องการศึกษาการเลี้ยงลูกเชิงบวก สร้างทักษะที่จำเป็นในการใช้ชีวิตให้กับลูก #สามารถเข้าเรียนได้ออนไลน์ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้งหมดได้ถูกรวบรวมไว้ในคอร์สจัดเต็ม ซึ่งจัดทำโดยทีมจิตแพทย์เด็กและนักจิตวิทยา ที่ https://www.netpama.com/ มีทั้งคลิปวีดิโอเรื่องราว ตัวอย่างคำพูดที่สามารถนำไปใช้เลยได้จริง ♥️

Positive Parenting Anywhere Anytime มาเลี้ยงลูกเชิงบวกกับ 'เน็ตป๊าม้า' หลักสูตรออนไลน์สอนเทคนิคการปรับพฤติกรรมเด็กเชิงบวก

Empower Families, Enrich Societies
เสริมพลังครอบครัว, สร้างพลังสังคม


#Netpama #เน็ตป๊าม้า #คัมภีร์เลี้ยงลูกเชิงบวก #เลี้ยงลูกเชิงบวก
หมวดหมู่ทั้งหมด

NET PAMA