รักมากมายที่อาจทำลายชีวิตลูกพัง
เมื่อ 1 เดือนที่แล้ว
รักมากมายที่อาจทำลายชีวิตลูกพัง
#รูปแบบความรักที่มักเกิดผลเสียกับลูก บทความโดย #มัมมี่Bชวนเมาท์
.
คนเป็นพ่อแม่จะเข้าใจดีว่า ความรักและความห่วงใยของพ่อแม่ที่มีให้กับลูกนั้นมากมายแค่ไหน เพราะรักมากจึงยอมทุ่มเทให้ลูกได้ทุกสิ่ง เพียงเพื่ออยากที่จะเลี้ยงดูเขาให้เติบโตมาอย่างดีที่สุด
.
#ความรักของพ่อแม่คือสิ่งสวยงามเสมอ แต่หากใช้วิธีการเลี้ยงดูที่ไม่ถูกต้อง หรือแสดงออกอย่างไม่เหมาะสมโดยที่พ่อแม่ก็ไม่ได้ตั้งใจและไม่รู้ถึงผลกระทบที่ตามมา
.
#ความรักนั้นอาจเป็นการทำลายรากฐานตัวตนและจิตใจของลูกได้อย่างคาดไม่ถึง
.
ในมุมหนึ่งลูกจะสัมผัสได้ถึงความรักที่พ่อแม่มีให้กับเขา แต่การแสดงออกทางความรักแบบนี้จะทำให้ลูกขาดทักษะที่จำเป็น เกิดเป็นความสับสน หงุดหงิด โกรธ อึดอัดคับข้องใจ และอาจมีอารมณ์ลบอื่นสะสมมากมาย ในขณะเดียวกันลูกก็จะรู้สึกผิดกับพ่อแม่ที่เขารู้สึกแบบนั้น ส่งผลกระทบต่อตัวตนและความมั่นคงทางใจของลูกอย่างมาก ซึ่งได้แก่
.
#ลูกคือแก้วตาดวงใจที่ต้องอยู่ในสายตาพ่อแม่เสมอ
สบายใจที่ได้เห็นทุกย่างก้าวของลูก มีความสุขที่ได้ทำทุกอย่างให้เขา ใจหายที่จะปล่อยให้ลูกได้เติบโต “ตามวัย” คอยห้ามและห่วงเพราะกลัวว่าลูกจะมีอันตราย จึงไม่กล้าที่จะให้ลูกได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ ด้วยตัวเอง
.
ทำให้ลูกขาดทักษะในการใช้ชีวิตที่ควรจะมี ขาดโอกาสในการเรียนรู้ ไม่มีภูมิคุ้มกัน กลายเป็นคนวิตกกังวล ขี้กลัว ขาดความมั่นใจ ลังเลในความสามารถ ไม่กล้าลองอะไรใหม่ๆ มีความเชื่อมั่นในตัวเองต่ำ
.
#เลือกคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก
เพราะรักที่สุดจึงเตรียมพร้อมวางแผนชีวิตที่สมบูรณ์แบบไว้ให้เขาตามประสบการณ์และเชื่อของเรา ยอมเสียสละได้ทุกสิ่งขอเพียงให้ลูกเติบโตมีชีวิตที่ดี
.
แต่กลับทำให้ลูกสูญเสียความเป็นตัวเอง ขาดความเป็นอิสระ กลายเป็นคนที่ไม่กล้าตัดสินใจ ปฏิเสธไม่เป็น ยอมผู้อื่นถึงแม้ในใจจะขัดแย้ง รู้สึกกดดันอยู่ตลอดเวลา กลัวแต่จะทำให้พ่อแม่ผิดหวัง อาจวิตกกังวลมากจนซึมเศร้า หรืออาจทำให้ลูกต่อต้านรุนแรงภายหลัง
.
#รักมากจึงอยากให้ลูกได้ทุกสิ่ง
บางคนอาจเคยลำบากมามากจึงไม่อยากให้ลูกต้องพบความลำบากหรือความผิดหวัง บางคนอาจรู้สึกผิดจึงอยากชดเชยสิ่งที่ขาดให้กับลูก เช่น ชดเชยเวลาที่หายไปด้วยเงินทองและสิ่งของ จะปฎิเสธก็กลัวว่าลูกจะผิดหวังเสียใจ ให้ทุกอย่างแม้สิ่งนั้นจะไม่เหมาะสม เกินตัวหรืออาจสร้างความลำบากให้พ่อแม่ก็ตาม
.
ทำให้ลูกสุขจนเคยชิน กลายเป็นคนเอาแต่ใจ ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง อยากได้ต้องได้ ไม่เข้าใจคำว่าอดทนหรือความลำบาก อาจใช้ชีวิตได้ยากเมื่อพบเจอกับปัญหาและความผิดหวัง นานวันพ่อแม่มักทุกข์ใจกลัวว่าลูกปรับตัวใช้ชีวิตต่อไม่ได้ในวันที่เขาไม่มีเรา
.
#เมื่อโตขึ้นลูกจะคิดและทำได้เอง
กลัวว่าลูกจะเสียใจจึงปกป้องเมื่อลูกทำผิดโดยไม่ตักเตือนหรือสอนลูกจริงจัง คิดว่าลูกยังเล็ก เมื่อถึงเวลาลูกจะคิดและทำได้เอง ไม่สอนทักษะและปลูกฝังวินัยและจริยธรรมในการใช้ชีวิต ทำให้ลูกขาดความผิดชอบในการดูแลตัวเอง ขาดทักษะในการคิด ไตร่ตรอง แยกแยะถูกผิด
.
เมื่อลูกขาดวินัยจึงไม่มีความยับยั้งชั่งใจ ควบคุมตนเองไม่ได้ อาจก่อปัญหามากมายให้ตามแก้ไข สุดท้ายก็จะเป็นพ่อแม่ที่หงุดหงิดผิดหวังที่ลูกโตแล้วไม่เอาไหน และอาจก่อปัญหาใหญ่ที่ทำให้เกิดความสูญเสียอย่างคาดไม่ถึง
.
#การรู้ทุกเรื่องของลูกคือความปลอดภัยที่สุด
เพราะพ่อแม่ต้องดูแลลูก ดังนั้น ความเป็นส่วนตัวของลูกคือสิทธิของพ่อแม่ คอยเช็คโทรศัพท์ อ่านข้อความ ค้นห้องส่วนตัว ติดตามสอดส่องและควบคุมดูแลลูกทุกอย่างไม่ว่าลูกจะโตแค่ไหน
.
ทำไปเพราะอยากให้ลูกปลอดภัย แต่ลูกกลับรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่ใช่เซฟโซน อึดอัด ถูกรุกล้ำความเป็นส่วนตัว ไม่เชื่อใจพ่อแม่ ระแวง ลังเลและสงสัยในตัวเองเพราะไม่เคยได้รับความไว้ใจ ทำให้ลูกดื้อเงียบ ต่อต้าน เลือกที่จะปิดบังทั้งเรื่องเล็กเรื่องใหญ่จนอาจทำให้เกิดทำให้ทุกคนต้องเสียใจภายหลัง
.
#เชื่อว่าลูกมีศักยภาพพอที่จะสมบูรณ์แบบ
ลูกสามารถพัฒนาตัวเองได้ตลอดเวลาหากพ่อแม่คอยชี้นำ ชี้จุดบกพร่องให้รู้ อาจเปรียบเทียบลูกกับผู้อื่นแต่ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายเขา หวังเพียงกระตุ้นให้ลูกเห็นตัวอย่างที่ดีและพัฒนาตัวเอง
.
สิ่งนี้กระทบต่อตัวตนของลูกและความสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างมาก ลูกจะไม่เข้าใจคำว่าพอดี เพราะไม่เคยดีพอสำหรับพ่อแม่ ยึดติดกับความสมบูรณ์แบบจนชีวิตเป็นทุกข์ กังวล ซึมเศร้าหมดหวังกับความรู้สึกที่ไม่เคยดีพอ อารมณ์ลบที่สะสมสุดท้ายอาจระเบิดออกกลายเป็นความก้าวร้าวและไม่เชื่อฟังพ่อแม่อีกต่อไป
.
#ความรักของพ่อแม่มีค่าเหนือสิ่งใด
ไม่เคยบังคับแต่จะใช้คำว่ารักและหวังดี ขอร้องให้ลูกทำตามพ่อแม่บอก เชื่อสนิทใจว่าทุกอย่างที่คิดและทำไปนั้นดีที่สุดกับลูก มักแสดงท่าทีผิดหวัง เสียใจ ตัดพ้อ เมื่อถูกลูกปฎิเสธไม่ทำตามที่พ่อแม่ต้องการ
.
ทำให้ลูกสับสน กดดัน และไม่ปลอดภัยเพราะความรักของพ่อแม่กอดรัดเขาจนหายใจไม่ออก ต้องรู้สึกผิดกับตัวเองและพ่อแม่อยู่ตลอดเวลาหากเขาเลือกที่จะทำความต้องการของตัวเอง มีชีวิตที่ว่างเปล่า รู้สึกไร้คุณค่าในตนเอง
.
ในฐานะแม่คนหนึ่งที่รักและทำทุกอย่างเพื่อลูกได้เช่นกัน ทำให้เข้าใจได้จริงๆเลยว่า ทุกการกระทำล้วนเริ่มมาความรักและความหวังดี ซึ่งรักที่มากเกินไปอาจกลายเป็นพิษสีเทาที่ค่อยๆ กัดกร่อนทำร้ายกายและใจลูกโดยที่พ่อแม่เองก็คาดไม่ถึงว่าจะมีผลเสียกับลูกได้มากมายขนาดนี้
.
หากเป้าหมายของพ่อแม่ คือการเลี้ยงลูกให้เติบโตเป็นคนดีมีคุณภาพ ประสบความสำเร็จในชีวิต #การเลี้ยงลูกเชิงบวก คือกุญแจสำคัญที่นำไปสู่สิ่งที่ต้องการ
.
#โดยฝึกให้ลูกมีวินัยสามารถควบคุมตัวเอง มีความรับผิดชอบ ไปพร้อมกับ #การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว เพื่อเป็นความแข็งแรงและเป็นเกราะป้องกันทางใจให้กับลูกด้วย
.
สำหรับพ่อแม่ที่ต้องการศึกษาการเลี้ยงลูกเชิงบวกแบบ #คอร์สonline ทั้งหมดได้ถูกรวบรวมไว้ในคอร์สจัดเต็ม ซึ่งจัดทำโดยทีมจิตแพทย์เด็กและนักจิตวิทยา ที่ https://www.netpama.com/ มีทั้งคลิปวีดิโอเรื่องราว ตัวอย่างคำพูดที่สามารถนำไปใช้เลยได้จริง โดยเรียนทุกบทได้ฟรี!ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ
.
บทเรียนพ่อแม่จะได้เรียนรู้ถึง
.
ปัจจัยต่างๆ ในการปรับพฤติกรรมลูก
ทักษะในการสื่อสาร เพื่อสร้างบรรยากาศความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกและทุกคนในครอบครัว
เทคนิคการชม ทำให้ลูกมีกำลังใจพัฒนาตัวเอง
การให้รางวัลเพื่อกระตุ้นพฤติกรรมดีของลูก
การลงโทษที่ถูกวิธี ไม่ให้ลูกสูญเสียคุณค่าในตัวเอง
เพราะการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด เรียนรู้และเติบโตไปด้วยกันกับลูกนะคะ
#NetPAMA #เน็ตป๊าม้า #คัมภีร์เลี้ยงลูกเชิงบวก
#รูปแบบความรักที่มักเกิดผลเสียกับลูก บทความโดย #มัมมี่Bชวนเมาท์
.
คนเป็นพ่อแม่จะเข้าใจดีว่า ความรักและความห่วงใยของพ่อแม่ที่มีให้กับลูกนั้นมากมายแค่ไหน เพราะรักมากจึงยอมทุ่มเทให้ลูกได้ทุกสิ่ง เพียงเพื่ออยากที่จะเลี้ยงดูเขาให้เติบโตมาอย่างดีที่สุด
.
#ความรักของพ่อแม่คือสิ่งสวยงามเสมอ แต่หากใช้วิธีการเลี้ยงดูที่ไม่ถูกต้อง หรือแสดงออกอย่างไม่เหมาะสมโดยที่พ่อแม่ก็ไม่ได้ตั้งใจและไม่รู้ถึงผลกระทบที่ตามมา
.
#ความรักนั้นอาจเป็นการทำลายรากฐานตัวตนและจิตใจของลูกได้อย่างคาดไม่ถึง
.
ในมุมหนึ่งลูกจะสัมผัสได้ถึงความรักที่พ่อแม่มีให้กับเขา แต่การแสดงออกทางความรักแบบนี้จะทำให้ลูกขาดทักษะที่จำเป็น เกิดเป็นความสับสน หงุดหงิด โกรธ อึดอัดคับข้องใจ และอาจมีอารมณ์ลบอื่นสะสมมากมาย ในขณะเดียวกันลูกก็จะรู้สึกผิดกับพ่อแม่ที่เขารู้สึกแบบนั้น ส่งผลกระทบต่อตัวตนและความมั่นคงทางใจของลูกอย่างมาก ซึ่งได้แก่
.
#ลูกคือแก้วตาดวงใจที่ต้องอยู่ในสายตาพ่อแม่เสมอ
สบายใจที่ได้เห็นทุกย่างก้าวของลูก มีความสุขที่ได้ทำทุกอย่างให้เขา ใจหายที่จะปล่อยให้ลูกได้เติบโต “ตามวัย” คอยห้ามและห่วงเพราะกลัวว่าลูกจะมีอันตราย จึงไม่กล้าที่จะให้ลูกได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ ด้วยตัวเอง
.
ทำให้ลูกขาดทักษะในการใช้ชีวิตที่ควรจะมี ขาดโอกาสในการเรียนรู้ ไม่มีภูมิคุ้มกัน กลายเป็นคนวิตกกังวล ขี้กลัว ขาดความมั่นใจ ลังเลในความสามารถ ไม่กล้าลองอะไรใหม่ๆ มีความเชื่อมั่นในตัวเองต่ำ
.
#เลือกคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก
เพราะรักที่สุดจึงเตรียมพร้อมวางแผนชีวิตที่สมบูรณ์แบบไว้ให้เขาตามประสบการณ์และเชื่อของเรา ยอมเสียสละได้ทุกสิ่งขอเพียงให้ลูกเติบโตมีชีวิตที่ดี
.
แต่กลับทำให้ลูกสูญเสียความเป็นตัวเอง ขาดความเป็นอิสระ กลายเป็นคนที่ไม่กล้าตัดสินใจ ปฏิเสธไม่เป็น ยอมผู้อื่นถึงแม้ในใจจะขัดแย้ง รู้สึกกดดันอยู่ตลอดเวลา กลัวแต่จะทำให้พ่อแม่ผิดหวัง อาจวิตกกังวลมากจนซึมเศร้า หรืออาจทำให้ลูกต่อต้านรุนแรงภายหลัง
.
#รักมากจึงอยากให้ลูกได้ทุกสิ่ง
บางคนอาจเคยลำบากมามากจึงไม่อยากให้ลูกต้องพบความลำบากหรือความผิดหวัง บางคนอาจรู้สึกผิดจึงอยากชดเชยสิ่งที่ขาดให้กับลูก เช่น ชดเชยเวลาที่หายไปด้วยเงินทองและสิ่งของ จะปฎิเสธก็กลัวว่าลูกจะผิดหวังเสียใจ ให้ทุกอย่างแม้สิ่งนั้นจะไม่เหมาะสม เกินตัวหรืออาจสร้างความลำบากให้พ่อแม่ก็ตาม
.
ทำให้ลูกสุขจนเคยชิน กลายเป็นคนเอาแต่ใจ ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง อยากได้ต้องได้ ไม่เข้าใจคำว่าอดทนหรือความลำบาก อาจใช้ชีวิตได้ยากเมื่อพบเจอกับปัญหาและความผิดหวัง นานวันพ่อแม่มักทุกข์ใจกลัวว่าลูกปรับตัวใช้ชีวิตต่อไม่ได้ในวันที่เขาไม่มีเรา
.
#เมื่อโตขึ้นลูกจะคิดและทำได้เอง
กลัวว่าลูกจะเสียใจจึงปกป้องเมื่อลูกทำผิดโดยไม่ตักเตือนหรือสอนลูกจริงจัง คิดว่าลูกยังเล็ก เมื่อถึงเวลาลูกจะคิดและทำได้เอง ไม่สอนทักษะและปลูกฝังวินัยและจริยธรรมในการใช้ชีวิต ทำให้ลูกขาดความผิดชอบในการดูแลตัวเอง ขาดทักษะในการคิด ไตร่ตรอง แยกแยะถูกผิด
.
เมื่อลูกขาดวินัยจึงไม่มีความยับยั้งชั่งใจ ควบคุมตนเองไม่ได้ อาจก่อปัญหามากมายให้ตามแก้ไข สุดท้ายก็จะเป็นพ่อแม่ที่หงุดหงิดผิดหวังที่ลูกโตแล้วไม่เอาไหน และอาจก่อปัญหาใหญ่ที่ทำให้เกิดความสูญเสียอย่างคาดไม่ถึง
.
#การรู้ทุกเรื่องของลูกคือความปลอดภัยที่สุด
เพราะพ่อแม่ต้องดูแลลูก ดังนั้น ความเป็นส่วนตัวของลูกคือสิทธิของพ่อแม่ คอยเช็คโทรศัพท์ อ่านข้อความ ค้นห้องส่วนตัว ติดตามสอดส่องและควบคุมดูแลลูกทุกอย่างไม่ว่าลูกจะโตแค่ไหน
.
ทำไปเพราะอยากให้ลูกปลอดภัย แต่ลูกกลับรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่ใช่เซฟโซน อึดอัด ถูกรุกล้ำความเป็นส่วนตัว ไม่เชื่อใจพ่อแม่ ระแวง ลังเลและสงสัยในตัวเองเพราะไม่เคยได้รับความไว้ใจ ทำให้ลูกดื้อเงียบ ต่อต้าน เลือกที่จะปิดบังทั้งเรื่องเล็กเรื่องใหญ่จนอาจทำให้เกิดทำให้ทุกคนต้องเสียใจภายหลัง
.
#เชื่อว่าลูกมีศักยภาพพอที่จะสมบูรณ์แบบ
ลูกสามารถพัฒนาตัวเองได้ตลอดเวลาหากพ่อแม่คอยชี้นำ ชี้จุดบกพร่องให้รู้ อาจเปรียบเทียบลูกกับผู้อื่นแต่ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายเขา หวังเพียงกระตุ้นให้ลูกเห็นตัวอย่างที่ดีและพัฒนาตัวเอง
.
สิ่งนี้กระทบต่อตัวตนของลูกและความสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างมาก ลูกจะไม่เข้าใจคำว่าพอดี เพราะไม่เคยดีพอสำหรับพ่อแม่ ยึดติดกับความสมบูรณ์แบบจนชีวิตเป็นทุกข์ กังวล ซึมเศร้าหมดหวังกับความรู้สึกที่ไม่เคยดีพอ อารมณ์ลบที่สะสมสุดท้ายอาจระเบิดออกกลายเป็นความก้าวร้าวและไม่เชื่อฟังพ่อแม่อีกต่อไป
.
#ความรักของพ่อแม่มีค่าเหนือสิ่งใด
ไม่เคยบังคับแต่จะใช้คำว่ารักและหวังดี ขอร้องให้ลูกทำตามพ่อแม่บอก เชื่อสนิทใจว่าทุกอย่างที่คิดและทำไปนั้นดีที่สุดกับลูก มักแสดงท่าทีผิดหวัง เสียใจ ตัดพ้อ เมื่อถูกลูกปฎิเสธไม่ทำตามที่พ่อแม่ต้องการ
.
ทำให้ลูกสับสน กดดัน และไม่ปลอดภัยเพราะความรักของพ่อแม่กอดรัดเขาจนหายใจไม่ออก ต้องรู้สึกผิดกับตัวเองและพ่อแม่อยู่ตลอดเวลาหากเขาเลือกที่จะทำความต้องการของตัวเอง มีชีวิตที่ว่างเปล่า รู้สึกไร้คุณค่าในตนเอง
.
ในฐานะแม่คนหนึ่งที่รักและทำทุกอย่างเพื่อลูกได้เช่นกัน ทำให้เข้าใจได้จริงๆเลยว่า ทุกการกระทำล้วนเริ่มมาความรักและความหวังดี ซึ่งรักที่มากเกินไปอาจกลายเป็นพิษสีเทาที่ค่อยๆ กัดกร่อนทำร้ายกายและใจลูกโดยที่พ่อแม่เองก็คาดไม่ถึงว่าจะมีผลเสียกับลูกได้มากมายขนาดนี้
.
หากเป้าหมายของพ่อแม่ คือการเลี้ยงลูกให้เติบโตเป็นคนดีมีคุณภาพ ประสบความสำเร็จในชีวิต #การเลี้ยงลูกเชิงบวก คือกุญแจสำคัญที่นำไปสู่สิ่งที่ต้องการ
.
#โดยฝึกให้ลูกมีวินัยสามารถควบคุมตัวเอง มีความรับผิดชอบ ไปพร้อมกับ #การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว เพื่อเป็นความแข็งแรงและเป็นเกราะป้องกันทางใจให้กับลูกด้วย
.
สำหรับพ่อแม่ที่ต้องการศึกษาการเลี้ยงลูกเชิงบวกแบบ #คอร์สonline ทั้งหมดได้ถูกรวบรวมไว้ในคอร์สจัดเต็ม ซึ่งจัดทำโดยทีมจิตแพทย์เด็กและนักจิตวิทยา ที่ https://www.netpama.com/ มีทั้งคลิปวีดิโอเรื่องราว ตัวอย่างคำพูดที่สามารถนำไปใช้เลยได้จริง โดยเรียนทุกบทได้ฟรี!ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ
.
บทเรียนพ่อแม่จะได้เรียนรู้ถึง
.
ปัจจัยต่างๆ ในการปรับพฤติกรรมลูก
ทักษะในการสื่อสาร เพื่อสร้างบรรยากาศความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกและทุกคนในครอบครัว
เทคนิคการชม ทำให้ลูกมีกำลังใจพัฒนาตัวเอง
การให้รางวัลเพื่อกระตุ้นพฤติกรรมดีของลูก
การลงโทษที่ถูกวิธี ไม่ให้ลูกสูญเสียคุณค่าในตัวเอง
เพราะการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด เรียนรู้และเติบโตไปด้วยกันกับลูกนะคะ
#NetPAMA #เน็ตป๊าม้า #คัมภีร์เลี้ยงลูกเชิงบวก
เน็ตป๊าม้า ขอแนะนำหลักสูตรออนไลน์ สอนเทคนิคเชิงบวกในการปรับพฤติกรรมเด็ก
คอร์สเร่งรัด
เหมาะสำหรับผู้ปกครองที่มีพื้นฐานการปรับพฤติกรรมเด็กเชิงบวกอยู่แล้ว
แต่ต้องการแก้ไขปัญหาพฤติกรรมเด็กที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น
คอร์สจัดเต็ม
เหมาะสำหรับผู้ปกครองที่ต้องการเรียนรู้และฝึกใช้เทคนิคการปรับพฤติกรรมเด็ก
อย่างเป็นขั้นบันได เพื่อเตรียมพร้อมที่จะนำไปรับมือกับปัญหาพฤติกรรมเด็ก
อย่างมั่นใจ