ข้อคิดเมื่อลูกโดนกลั่นแกล้ง จากหนังเรื่อง WONDER
ข้อคิดเมื่อลูกโดนกลั่นแกล้ง จากหนังเรื่อง WONDER
*ข้อความด้านล่างอาจมีการสปอยส์เนื้อหาหนัง*
วันนี้ได้มีโอกาสดูหนังเรื่อง Wonder กับลูก หนังบอกเล่าเกี่ยวกับการกลั่นแกล้งของเด็กประถมในโรงเรียน ในฐานะคนเป็นแม่ หนังเรื่องนี้ ..อิ่มเอม คุ้มค่าตลอดทุกนาทีที่ดูจริงๆ สะท้อนและให้แง่คิดมากมาย เลยอยากจะมาชวน พ่อแม่และเด็กๆ ดูเรื่องนี้กันค่ะ
Wonder เป็นเรื่องของเด็กชายชื่อ “อ๊อกกี้” ที่เกิดมาพร้อมโรคทางพันธุกรรม ทำให้ใบหน้าพิการผิดรูปต้องศัลกรรมผ่าตัดที่ใบหน้าหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้ใบหน้าเด็กชายกลับมาเหมือนเด็กปกติได้ แต่โชคดีที่อ๊อกกี้ เติบโตมาในครอบครัว ที่มี พ่อ แม่ และ พี่สาว ที่รักและ เอาใจใส่อย่างเด็กชายเป็นอย่างดี ด้วยสุขภาพและการที่ต้องผ่าตัดบ่อยๆ รวมถึงรูปลักษณ์ภายนอก ทำให้แม่ เลือกที่จะโฮมสคูลให้กับเขา
จนในที่สุด ช่วงการขึ้น ป.5 พ่อและแม่ตกลงกันว่า ถึงเวลาแล้ว ที่อ๊อกกี้จะออกมาเจอกับโลกภายนอก อาจจะกังวล แต่ก็ด้วยเหตุผลที่ว่า “พ่อแม่ ไม่อาจปกป้องและอยู่กับลูกได้ตลอดไป” และโลกก็ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิดจริงๆ เด็กชายจึงต้องเจอกับสายตาเพื่อนนักเรียนที่มองเค้าอย่างตัวประหลาด พูดจาล้อเลียน นั่งกินข้าวกลางวันคนเดียว ในชั่วโมงพละก็โดนปาลูกบอลใส่ โดยเฉพาะจูเลียนเด็กเกเรจ้องที่จะแกล้งอ๊อกกี้อยู่ ตลอดเวลา เป็นความเจ็บปวดที่สุดทั้งร่ายกายและจิตใจเท่าที่เด็กประถมคนหนึ่งต้องเจอ
แต่สุดท้ายความดีและพลังใจก็ชนะทุกสิ่ง อ๊อกกี้ ฝ่าฟันเอาชนะทุกอย่างได้ ด้วยความรักและพลังจาก ครอบครัวที่อบอุ่น เพื่อนที่ดีอย่างแจ็คและซัมเมอร์ และ การดูแลและเอาใจใส่อย่างดีจากคุณครูและโรงเรียน
แต่เหนือสิ่งอื่นใดนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ “ความเข้มแข็งและความมั่นคงทางจิตใจของตัวอ๊อกกี้เอง “ ในการได้นั่งดูหนังเรื่องนี้ด้วยกันกับลูก มีแค่กระดาษทิชชู่เท่านั้นที่เสียไปเพื่อซับน้ำตาแห่งอิ่มเอมใจ แต่ทั้งพ่อแม่และลูก เราได้เรียนรู้อะไรมากมายจริงๆ
- จงภูมิใจเถอะ ว่า พ่อแม่อย่างเรา คือคนสำคัญที่จะเป็นเกราะคุ้มกันที่ดีสำหรับลูกได้
เด็กที่เติบโตมาด้วยความรัก และ ความเข้าใจ “รักในแบบที่ลูกเป็น” “ รักที่ไม่มีเงื่อนไข” หากรู้สึกดีพอและมีค่าสำหรับพ่อแม่ ลูกจะรักและเห็นคุณค่าในตัวเองเสมอ
- รับฟังลูกด้วยใจ และไม่ตัดสิน ยอมรับในความรู้สึกของลูก เมื่อ ลูกเจอปัญหา
“แม่เข้าใจว่าลูกเสียใจ แต่ลูกไม่ได้อยู่ลำพังนะ เมื่อไหร่ที่ต้องการ ขอให้ลูกไว้ พ่อและแม่จะอยู่ข้างๆ และ พร้อมช่วยเหลือลูกเสมอ” สัญญาณที่จะบอกว่าเราทำสำเร็จ ก็คือ เมื่อลูกกลับมาจากโรงเรียน จะต่อคิวเล่า (รอฟ้องแหละดูออกเลย)
- ความใส่ใจ และ การ Take Action ในเรื่องการกลั่นแกล้งที่จริงจังจากคุณครู และโรงเรียน
เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ถ้าโรงเรียนมองว่า การกลั่นแกล้ง ก็แค่ “เรื่องเด็กเล่นกัน” เราพิจารณาได้เลยนะ… ว่าจะไปต่อ หรือพอแค่นี้กับโรงเรียนดี การกลั่นแกล้งไม่ใช่การเล่น เพราะ การเล่นต้องสนุกทั้งสองฝ่าย ????เด็กที่โดนกลั่นแกล้งต้องได้รับการช่วยเหลือทันที
- เพื่อนที่ดีมีหนึ่ง ถึงจะน้อย ดีกว่าร้อยเพื่อนคิดริษยา อ๊อกกี้ รู้จักผูกมิตร จนได้ใจแจ็คและซัมเมอร์คอยปกป้องเค้า อ๊อกกี้เลยไม่รู้สึกโดดเดี่ยวจนเกินไปนัก สอนให้ลูกรู้จัก make friend ผูกมิตร เพราะเพื่อนที่ดี ถึงจะมีน้อยแต่มีนะ จะช่วยปกป้องเราได้ เมื่อภัยมา
นอกจากการสอนให้ลูกรับมือกับการกลั่นแกล้ง สำคัญที่สุด อย่าลืมที่จะสอนให้ลูกเรามีความเห็นอกเห็นใจ และ ไม่ไปกลั่นแกล้งคนอื่นเช่นกัน
ประสบการณ์ตรงกับลูกที่บ้าน การอ่านวรรณกรรมเยาวชนตั้งแต่เล็กจะช่วยได้มากๆ ในเรื่อง “Empathy “ เด็กๆ จะได้เรียนรู้ การ เห็นอกเห็นใจ ผ่านเรื่องราวคนอื่น ซึ่งในโอกาสหน้าจะขอมาแนะนำวรรณกรรมเยาวชนดีๆ ให้ลูกๆของเรากันนะคะ กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียวฉันใด ทักษะการรับมือกับการกลั่นแกล้งของเด็ก ก็ไม่ได้สร้างได้ในวันเดียวฉันนั้น
หลังดูจบ เรายังเสามารถชวนลูกพูดคุยเพิ่มเติมเพื่อให้ลูกได้ฝึกคิด ฝึกทักษะการแก้ปัญหา รับมือกับการกลั่นแกล้ง เมื่อเกิดสถานการณ์จริง ได้
ตัวอย่างคำถาม เช่น
“ลูกคิดว่า อ๊อกกี้รู้สึกอย่างไรเมื่อโดนกลั่นแกล้ง “
“ หากลูกมีเพื่อนในห้องโดนรังแก แบบอ็อกกี้ลูกคิดว่าลูกจะทำอย่างไร หรือลูกจะช่วยอะไรได้บ้าง “
“ หากลูกมีเพื่อนเกเร ที่คอยล้อเลียน รังแก อ็อกกี้อยู่เสมอในฐานะเพื่อน ลูกจะทำอย่างไรได้บ้าง “
“ ลูกคิดว่า ในฐานะเด็กคนหนึ่ง ลูกสามารถช่วยลดการกลั่นแกล้งในโรงเรียนได้บ้างไหม หรือ ลูกคิดว่าใครจะสามารถช่วยได้ “
“หากเหตุการณ์ กลั่นแกล้ง เกิดกับลูก ลูกคิดว่าจะรับมืออย่างไร “
ช่วงนี้ข่าวเด็กๆ กลั่นแกล้งกันเยอะมาก และ นับวันก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในฐานะคนเป็นแม่ หลังจากถอนหายใจไป 3 เฮือกใหญ่ พ่อแม่อย่างเราคงอยู่เฉยไม่ได้แล้ว หากไม่สามารถ “หลีกเลี่ยง” ก็ต้อง”เรียนรู้ และ รับมือ” จากการกลั่นแกล้งที่อาจจะเกิดขึ้นในวันใดวันหนึ่งให้ได้ (ลูกเราต้องรอด !! )
ปริญญานั้นเรียนจบได้ แต่การเรียนรู้วิชาพ่อแม่นั้นไม่มีที่สิ้นสุดเรามาเรียนรู้กันไปด้วยกันนะคะ สำหรับพ่อแม่ที่สนใจร่วมเป็นสมาชิกเน็ตป๊าม้า สามารถลงทะเบียนคอร์สเรียนต่าง ๆ เกี่ยวกับการเลี้ยงลูกเชิงบวกได้ทาง www.netpama.com ฟรี ! ไม่มีค่าใช้จ่าย !
จับมือไว้แล้วไปด้วยกันนะคะ
โดย มัมมี่Bชวนเมาท์