อันตรายที่พ่อแม่มองไม่เห็นในโลกออนไลน์
เมื่อ 3 ปีที่แล้ว
บางครั้งความไม่ตั้งใจของผู้ใหญ่ก็มีผลกระทบกับเด็กๆ อย่างที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และหลายๆครั้ง ที่ผลกระทบนั้นย้อนกลับมาถึงผู้ใหญ่เองด้วย
เหมือนกรณีเรื่องจริงที่เกิดขึ้น ในประเทศอเมริกา เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
เมื่อรูปของลูกที่คุณแม่โพสต์ลงเฟซบุ๊ก ทำให้ชีวิตของครอบครัวและลูกสาวตัวน้อยไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
.
คุณแม่คนหนึ่งมีลูกสาวอายุสองขวบ แต่ลูกสาวของคุณแม่เจ็บป่วยด้วยโรคโครโมโซมผิดปกติ ทำให้หน้าตาของลูกสาวคุณแม่มีลักษณะพิเศษต่างจากเด็กคนอื่นๆทั่วไป
หมอเชื่อว่าไม่มีแม่ที่ไม่รักลูก แม่ทุกคนไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่ดีแม้สักนิดกับลูก แต่คุณแม่ไม่รู้ว่า โลกออนไลน์นั้นน่ากลัวกว่าที่คิด และหมอเชื่อว่าผู้ใหญ่หลายคนไม่รู้จริงๆ
วันหนึ่งเมื่อคุณแม่โพสต์รูปลูกสาวตัวน้อยลงไปในเฟซบุ๊ค ไม่นานนักรูปของลูกสาวถูกตัดต่อ พร้อมด้วยคำพูดล้อเลียนว่าหน้าตาลูกสาวคุณแม่ เหมือน "สัตว์ประหลาด" บ้าง "ปีศาจ" บ้าง และคำหยาบคายมากมาย และมีคนมากมายที่มาคอมเม้นต์ในเชิงตลกขบขัน และด่าว่าหน้าตาของลูกสาวคุณแม่
เป็นเรื่องน่ากลัวของคุณแม่และครอบครัว เมื่อคุณแม่รู้ว่ารูปของลูกสาวคุณแม่จะอยู่ในโลกออนไลน์ไปตลอดชีวิต พร้อมด้วยคำพูดร้ายๆที่ทำลายกันอย่างตั้งใจ
"ถ้าลูกสาวโตพอที่จะรู้เรื่อง เขาคงจะเสียใจมาก" ส่วนหนึ่งคุณแม่รู้สึกผิด ที่ตัวเองมีส่วนทำให้เกิดการ cyberbullying ลูกสาววัยสองขวบ ที่ยังไม่รู้เดียงสา ว่าคนมากมายหลายล้านเอาหน้าตาเธอไปด่าเสียหาย ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
"ลูกจ๋า แม่ไม่ได้ตั้งใจ"
น่าสงสารคุณแม่จริงๆ
.
ความคะนองของคนในโลกออนไลน์น่ากลัวกว่าที่ใครๆจะจินตนาการได้ อารมณ์ชั่ววูบ และความสนุกชั่วคราว และความสะดวกของการโพสต์คอมเม้นต์โดยไม่มีใครกลั่นกรอง ทำให้คนๆหนึ่งชีวิตเปลี่ยนไป และไม่เหมือนเดิม
และแม้ว่าคุณแม่จะลบภาพของลูกสาวออกไป แต่ไม่สามารถตามไปลบภาพของคนอื่นที่เอาไปตัดต่อล้อเลียนได้ เป็นฝันร้ายที่คุณแม่คงจะลืมได้ยาก
ไม่นับหลายๆกรณีที่ พ่อแม่โพสต์รูปลูกๆลงไปในโลกโซเชี่ยล ทั้งที่ไม่ได้มีความตั้งใจจะให้เกิดเหตุการณ์ไม่ดีกับลูกตัวเอง
.
หมอหวังว่าเหตุการณ์จริงนี้ คงเป็นอุทาหรณ์สำหรับพ่อแม่ และผู้ใหญ่มากมาย ที่โพสต์รูป หรือคลิปต่างๆของเด็กลงไปในเฟซบุ๊ก หรือแม้กระทั่งเมื่อเด็กคนหนึ่งโตพอที่จะเป็นคนที่ตัดสินใจโพสต์อะไรต่างๆลงไปในโลกออนไลน์
อย่าลืมว่า “What goes online stay online”
เมื่อผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต หรือ social media เข้าไปใช้งาน จะมีบันทึกไว้ว่าเราเคยไปโพสต์ คอมเมนต์ ถ้าบางครั้งลองกูเกิ้ลชื่อตัวเอง จะทำให้เห็นชัดขึ้น ซึ่งบันทึกและหลักฐานเหล่านี้จะมีผลเสมือนเป็นประวัติของคนผู้นั้น
คนที่ไม่ได้คิดหน้าคิดหลังในเรื่องความเป็นส่วนตัว มีการโพสต์ข้อความหรือรูปที่ไม่เหมาะสม ทำให้มีผลกระทบอย่างที่ไม่คาดคิด
ปัจจุบัน การสัมภาษณ์งาน หรือ รับเข้าเรียน หลายต่อหลายแห่ง มักทำการสืบประวัติจากสิ่งที่เคยไปทำมาในโลกออนไลน์
เป็นเรื่องใหม่ของคนยุคนี้ที่ต้องระวังอย่างมากทีเดียวค่ะ
เขียนโดย พญ.เบญจพร ตันตสูติ
ภาพประกอบโดย พรรษมนต์ ศุภจารีรักษ์
เหมือนกรณีเรื่องจริงที่เกิดขึ้น ในประเทศอเมริกา เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
เมื่อรูปของลูกที่คุณแม่โพสต์ลงเฟซบุ๊ก ทำให้ชีวิตของครอบครัวและลูกสาวตัวน้อยไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
.
คุณแม่คนหนึ่งมีลูกสาวอายุสองขวบ แต่ลูกสาวของคุณแม่เจ็บป่วยด้วยโรคโครโมโซมผิดปกติ ทำให้หน้าตาของลูกสาวคุณแม่มีลักษณะพิเศษต่างจากเด็กคนอื่นๆทั่วไป
หมอเชื่อว่าไม่มีแม่ที่ไม่รักลูก แม่ทุกคนไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่ดีแม้สักนิดกับลูก แต่คุณแม่ไม่รู้ว่า โลกออนไลน์นั้นน่ากลัวกว่าที่คิด และหมอเชื่อว่าผู้ใหญ่หลายคนไม่รู้จริงๆ
วันหนึ่งเมื่อคุณแม่โพสต์รูปลูกสาวตัวน้อยลงไปในเฟซบุ๊ค ไม่นานนักรูปของลูกสาวถูกตัดต่อ พร้อมด้วยคำพูดล้อเลียนว่าหน้าตาลูกสาวคุณแม่ เหมือน "สัตว์ประหลาด" บ้าง "ปีศาจ" บ้าง และคำหยาบคายมากมาย และมีคนมากมายที่มาคอมเม้นต์ในเชิงตลกขบขัน และด่าว่าหน้าตาของลูกสาวคุณแม่
เป็นเรื่องน่ากลัวของคุณแม่และครอบครัว เมื่อคุณแม่รู้ว่ารูปของลูกสาวคุณแม่จะอยู่ในโลกออนไลน์ไปตลอดชีวิต พร้อมด้วยคำพูดร้ายๆที่ทำลายกันอย่างตั้งใจ
"ถ้าลูกสาวโตพอที่จะรู้เรื่อง เขาคงจะเสียใจมาก" ส่วนหนึ่งคุณแม่รู้สึกผิด ที่ตัวเองมีส่วนทำให้เกิดการ cyberbullying ลูกสาววัยสองขวบ ที่ยังไม่รู้เดียงสา ว่าคนมากมายหลายล้านเอาหน้าตาเธอไปด่าเสียหาย ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
"ลูกจ๋า แม่ไม่ได้ตั้งใจ"
น่าสงสารคุณแม่จริงๆ
.
ความคะนองของคนในโลกออนไลน์น่ากลัวกว่าที่ใครๆจะจินตนาการได้ อารมณ์ชั่ววูบ และความสนุกชั่วคราว และความสะดวกของการโพสต์คอมเม้นต์โดยไม่มีใครกลั่นกรอง ทำให้คนๆหนึ่งชีวิตเปลี่ยนไป และไม่เหมือนเดิม
และแม้ว่าคุณแม่จะลบภาพของลูกสาวออกไป แต่ไม่สามารถตามไปลบภาพของคนอื่นที่เอาไปตัดต่อล้อเลียนได้ เป็นฝันร้ายที่คุณแม่คงจะลืมได้ยาก
ไม่นับหลายๆกรณีที่ พ่อแม่โพสต์รูปลูกๆลงไปในโลกโซเชี่ยล ทั้งที่ไม่ได้มีความตั้งใจจะให้เกิดเหตุการณ์ไม่ดีกับลูกตัวเอง
.
หมอหวังว่าเหตุการณ์จริงนี้ คงเป็นอุทาหรณ์สำหรับพ่อแม่ และผู้ใหญ่มากมาย ที่โพสต์รูป หรือคลิปต่างๆของเด็กลงไปในเฟซบุ๊ก หรือแม้กระทั่งเมื่อเด็กคนหนึ่งโตพอที่จะเป็นคนที่ตัดสินใจโพสต์อะไรต่างๆลงไปในโลกออนไลน์
อย่าลืมว่า “What goes online stay online”
เมื่อผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต หรือ social media เข้าไปใช้งาน จะมีบันทึกไว้ว่าเราเคยไปโพสต์ คอมเมนต์ ถ้าบางครั้งลองกูเกิ้ลชื่อตัวเอง จะทำให้เห็นชัดขึ้น ซึ่งบันทึกและหลักฐานเหล่านี้จะมีผลเสมือนเป็นประวัติของคนผู้นั้น
คนที่ไม่ได้คิดหน้าคิดหลังในเรื่องความเป็นส่วนตัว มีการโพสต์ข้อความหรือรูปที่ไม่เหมาะสม ทำให้มีผลกระทบอย่างที่ไม่คาดคิด
ปัจจุบัน การสัมภาษณ์งาน หรือ รับเข้าเรียน หลายต่อหลายแห่ง มักทำการสืบประวัติจากสิ่งที่เคยไปทำมาในโลกออนไลน์
เป็นเรื่องใหม่ของคนยุคนี้ที่ต้องระวังอย่างมากทีเดียวค่ะ
เขียนโดย พญ.เบญจพร ตันตสูติ
ภาพประกอบโดย พรรษมนต์ ศุภจารีรักษ์
เน็ตป๊าม้า ขอแนะนำหลักสูตรออนไลน์ สอนเทคนิคเชิงบวกในการปรับพฤติกรรมเด็ก
คอร์สเร่งรัด
เหมาะสำหรับผู้ปกครองที่มีพื้นฐานการปรับพฤติกรรมเด็กเชิงบวกอยู่แล้ว
แต่ต้องการแก้ไขปัญหาพฤติกรรมเด็กที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น
คอร์สจัดเต็ม
เหมาะสำหรับผู้ปกครองที่ต้องการเรียนรู้และฝึกใช้เทคนิคการปรับพฤติกรรมเด็ก
อย่างเป็นขั้นบันได เพื่อเตรียมพร้อมที่จะนำไปรับมือกับปัญหาพฤติกรรมเด็ก
อย่างมั่นใจ