ให้ลูกดูการ์ตูนจะดีหรือไม่
เมื่อ 3 ปีที่แล้ว
มีคำถามหนึ่งจากคุณแม่
"คุณหมอ ปกติตัวเองไม่ได้ให้ลูกดูการ์ตูนเลยว่าแต่ตกลงดูการ์ตูนมันดีหรือไม่ดี ขนาดนายกฯญี่ปุ่นยังใส่ชุดมาริโอ้ออกงานพิธีปิดโอลิมปิค
พอถามว่าเพราะอะไรจึงไม่ให้ลูกดูการ์ตูน
"กลัวว่าจะทำให้ลูกไม่ได้ทำอย่างอื่นที่สำคัญกว่า"
หมอมีคำตอบให้คุณแม่อยู่แล้วในเรื่องของการ์ตูน แต่ที่สนใจก็คือ อะไรคือสิ่งที่คุณแม่มองว่าสำคัญกว่า?
"ลูกต้องทำการบ้าน ทบทวนบทเรียน อ่านหนังสือ เดี๋ยวนี้สอบบ่อยมาก ถ้ามัวแต่ไปดูการ์ตูน จะตามชาวบ้านเค้าทันได้ยังไง ผลสอบออกทีไร ลุ้นกันทุกที" คุณแม่พูดต่อ
ตัวหมอเองก็เป็นคนหนึ่งที่ตอนเด็กๆได้ดูการ์ตูน อ่านหนังสือการ์ตูน หมอคิดว่า ความคิดหลายๆอย่าง ที่หมอเป็นแบบที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการ์ตูนที่ได้ดู
ย้อนเวลากลับไปตอนที่ยังเป็นเด็ก การ์ตูนที่หมอชอบมากๆ ก็คือ โดเรมอน
โดเรมอน ทำให้หมอหัวเราะ ยิ้ม ตื่นเต้นไปกับของวิเศษที่อยู่ในกระเป๋าหน้าท้องของหุ่นยนต์แมวตัวหนึ่ง
ตัวละครอย่างโนบิตะ ก็ทำให้หมอรู้ว่า บางครั้ง การที่คนเราจะประสบความสำเร็จและมีความสุข ไม่จำเป็นต้องมีพ่อแม่ที่มีเงินมากมาย (แบบซุเนโอะ) ไม่จำเป็นที่ต้องเรียนเก่งได้ที่หนึ่ง (แบบเดคิซึกิ) ไม่ใช่ว่าจะต้องตัวใหญ่ มีแรงมากๆ (แบบไจแอนท์)
แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ การรับรู้คุณค่าของตัวเอง และยอมรับตัวเองในแบบที่เป็น (ว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสีย) พร้อมที่จะช่วยเหลือเพื่อนๆ และคนรอบข้าง เท่าที่ตัวเองจะทำได้ และความมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างมิตรภาพ และความจริงใจ จะเป็นสิ่งที่จะหล่อเลี้ยงมิตรภาพระหว่างกันให้ยั่งยืน
การ์ตูนดีๆ สักเรื่อง ก็เป็นเหมือนสะพานที่เชื่อมโยงให้เด็กคนหนึ่งเข้าใจตัวเอง และคนรอบข้างมากขึ้น และความเข้าใจมีความสำคัญในการใช้ชีวิต (นอกจากโดเรมอน อีกเรื่องที่ชอบมากก็คืออิคคิวซัง)
บางอย่างที่เราอาจจะมองไม่เห็นด้วยตา อาจจะมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า คะแนนสอบ หรือลำดับที่
ชีวิตคนเราก็ไม่ได้ยืนยาว ปฏิเสธไม่ได้ว่า นอกจากการ์ตูนจะให้ความสนุกสนาน สอนบทเรียนชีวิต การ์ตูนที่ได้ดูตอนเด็กๆนั้น ยังเป็นความทรงจำที่สวยงาม เมื่อเด็กคนหนึ่งเติบโตขึ้นไปเป็นผู้ใหญ่
หลายๆครั้งที่หวนคิดถึงการ์ตูนที่ชอบ ทำให้ผู้ใหญ่คนหนึ่งมีรอยยิ้ม เป็นความรู้สึกดีๆ ที่ช่วยหล่อเลี้ยงจิตใจ ท่ามกลางอุปสรรคของชีวิตที่ต้องเจอเป็นธรรมชาติ
แต่แน่นอนว่าอะไรที่มากเกินพอดี ย่อมไม่ดี รวมถึงการ์ตูนด้วย ถ้าเด็กๆ ใช้เวลาอยู่หน้าจอดูการ์ตูนตลอด จนไม่ได้ทำกิจกรรมอื่นๆเลย ก็คงไม่เหมาะ
ถ้าดูการ์ตูนจนไม่ได้ออกกำลังกายวิ่งเล่น เด็กก็อาจจะอ้วน กล้ามเนื้อไม่แข็งแรง ในเด็กเล็กๆ การดูทีวีหรืออะไรก็ตามเกี่ยวกับจอมากเกินไป จะทำให้พูดช้า หรือสมาธิไม่ดี
ทุกๆเรื่องก็ต้องมีความสมดุล และต้องดูว่าแบบไหนที่เหมาะกับลูกของเรา เด็กบางคนที่มีภาวะสมาธิสั้น การอยู่กับอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับจอนานนานก็ทำให้สมาธิแย่ลง
แต่แน่นอนว่า การ์ตูนดีๆ มีอยู่จริง และมันก็เป็นสื่อที่ดีมากๆ สำหรับเด็กคนหนึ่งที่กำลังเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต
เขียนโดย พญ.เบญจพร ตันตสูติ
ภาพประกอบโดย ศิรภัสสร เย็นจิตต์
"คุณหมอ ปกติตัวเองไม่ได้ให้ลูกดูการ์ตูนเลยว่าแต่ตกลงดูการ์ตูนมันดีหรือไม่ดี ขนาดนายกฯญี่ปุ่นยังใส่ชุดมาริโอ้ออกงานพิธีปิดโอลิมปิค
พอถามว่าเพราะอะไรจึงไม่ให้ลูกดูการ์ตูน
"กลัวว่าจะทำให้ลูกไม่ได้ทำอย่างอื่นที่สำคัญกว่า"
หมอมีคำตอบให้คุณแม่อยู่แล้วในเรื่องของการ์ตูน แต่ที่สนใจก็คือ อะไรคือสิ่งที่คุณแม่มองว่าสำคัญกว่า?
"ลูกต้องทำการบ้าน ทบทวนบทเรียน อ่านหนังสือ เดี๋ยวนี้สอบบ่อยมาก ถ้ามัวแต่ไปดูการ์ตูน จะตามชาวบ้านเค้าทันได้ยังไง ผลสอบออกทีไร ลุ้นกันทุกที" คุณแม่พูดต่อ
ตัวหมอเองก็เป็นคนหนึ่งที่ตอนเด็กๆได้ดูการ์ตูน อ่านหนังสือการ์ตูน หมอคิดว่า ความคิดหลายๆอย่าง ที่หมอเป็นแบบที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการ์ตูนที่ได้ดู
ย้อนเวลากลับไปตอนที่ยังเป็นเด็ก การ์ตูนที่หมอชอบมากๆ ก็คือ โดเรมอน
โดเรมอน ทำให้หมอหัวเราะ ยิ้ม ตื่นเต้นไปกับของวิเศษที่อยู่ในกระเป๋าหน้าท้องของหุ่นยนต์แมวตัวหนึ่ง
ตัวละครอย่างโนบิตะ ก็ทำให้หมอรู้ว่า บางครั้ง การที่คนเราจะประสบความสำเร็จและมีความสุข ไม่จำเป็นต้องมีพ่อแม่ที่มีเงินมากมาย (แบบซุเนโอะ) ไม่จำเป็นที่ต้องเรียนเก่งได้ที่หนึ่ง (แบบเดคิซึกิ) ไม่ใช่ว่าจะต้องตัวใหญ่ มีแรงมากๆ (แบบไจแอนท์)
แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ การรับรู้คุณค่าของตัวเอง และยอมรับตัวเองในแบบที่เป็น (ว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสีย) พร้อมที่จะช่วยเหลือเพื่อนๆ และคนรอบข้าง เท่าที่ตัวเองจะทำได้ และความมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างมิตรภาพ และความจริงใจ จะเป็นสิ่งที่จะหล่อเลี้ยงมิตรภาพระหว่างกันให้ยั่งยืน
การ์ตูนดีๆ สักเรื่อง ก็เป็นเหมือนสะพานที่เชื่อมโยงให้เด็กคนหนึ่งเข้าใจตัวเอง และคนรอบข้างมากขึ้น และความเข้าใจมีความสำคัญในการใช้ชีวิต (นอกจากโดเรมอน อีกเรื่องที่ชอบมากก็คืออิคคิวซัง)
บางอย่างที่เราอาจจะมองไม่เห็นด้วยตา อาจจะมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า คะแนนสอบ หรือลำดับที่
ชีวิตคนเราก็ไม่ได้ยืนยาว ปฏิเสธไม่ได้ว่า นอกจากการ์ตูนจะให้ความสนุกสนาน สอนบทเรียนชีวิต การ์ตูนที่ได้ดูตอนเด็กๆนั้น ยังเป็นความทรงจำที่สวยงาม เมื่อเด็กคนหนึ่งเติบโตขึ้นไปเป็นผู้ใหญ่
หลายๆครั้งที่หวนคิดถึงการ์ตูนที่ชอบ ทำให้ผู้ใหญ่คนหนึ่งมีรอยยิ้ม เป็นความรู้สึกดีๆ ที่ช่วยหล่อเลี้ยงจิตใจ ท่ามกลางอุปสรรคของชีวิตที่ต้องเจอเป็นธรรมชาติ
แต่แน่นอนว่าอะไรที่มากเกินพอดี ย่อมไม่ดี รวมถึงการ์ตูนด้วย ถ้าเด็กๆ ใช้เวลาอยู่หน้าจอดูการ์ตูนตลอด จนไม่ได้ทำกิจกรรมอื่นๆเลย ก็คงไม่เหมาะ
ถ้าดูการ์ตูนจนไม่ได้ออกกำลังกายวิ่งเล่น เด็กก็อาจจะอ้วน กล้ามเนื้อไม่แข็งแรง ในเด็กเล็กๆ การดูทีวีหรืออะไรก็ตามเกี่ยวกับจอมากเกินไป จะทำให้พูดช้า หรือสมาธิไม่ดี
ทุกๆเรื่องก็ต้องมีความสมดุล และต้องดูว่าแบบไหนที่เหมาะกับลูกของเรา เด็กบางคนที่มีภาวะสมาธิสั้น การอยู่กับอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับจอนานนานก็ทำให้สมาธิแย่ลง
แต่แน่นอนว่า การ์ตูนดีๆ มีอยู่จริง และมันก็เป็นสื่อที่ดีมากๆ สำหรับเด็กคนหนึ่งที่กำลังเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต
เขียนโดย พญ.เบญจพร ตันตสูติ
ภาพประกอบโดย ศิรภัสสร เย็นจิตต์
เน็ตป๊าม้า ขอแนะนำหลักสูตรออนไลน์ สอนเทคนิคเชิงบวกในการปรับพฤติกรรมเด็ก
คอร์สเร่งรัด
เหมาะสำหรับผู้ปกครองที่มีพื้นฐานการปรับพฤติกรรมเด็กเชิงบวกอยู่แล้ว
แต่ต้องการแก้ไขปัญหาพฤติกรรมเด็กที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น
คอร์สจัดเต็ม
เหมาะสำหรับผู้ปกครองที่ต้องการเรียนรู้และฝึกใช้เทคนิคการปรับพฤติกรรมเด็ก
อย่างเป็นขั้นบันได เพื่อเตรียมพร้อมที่จะนำไปรับมือกับปัญหาพฤติกรรมเด็ก
อย่างมั่นใจ