เลี้ยงลูกยุคเจนอัลฟ่า (Gen Alpha) กับสิ่งที่พ่อแม่ต้องรู้
เมื่อ 2 วันที่แล้ว
#เลี้ยงลูกยุคเจนอัลฟ่า (Gen Alpha) กับสิ่งที่พ่อแม่ต้องรู้ ! บทความโดย #แม่มิ่ง
.
Gen alpha (generation alpha) คือ เด็กเกิดในช่วงปี พ.ศ. 2553 หรือ ค.ศ. 2010 จนถึงปัจจุบัน เป็นรุ่นลูกของ Gen Y และ Gen Z เด็ก ๆ เจนอัลฟ่ารุ่นแรกน่าจะอายุประมาณ 12 ปีได้แล้ว
.
เด็กยุคเจนอัลฟ่าเป็นเด็กที่เกิดมาในยุคของเทคโนโลยีเต็มรูปแบบหรือดิจิทัลเวิลด์ หรือเรียกอีกอย่างว่ายุค iPad Generation จึงไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า การเลี้ยงลูกยุคเจนอัลฟ่ามีความแตกต่างไปจากเจเนอร์เรชั่นสมัยเราซึ่งเป็นคุณพ่อคุณแม่มากพอสมควร ดังนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่คุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองต้องเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ในด้านต่าง ๆ ไปพร้อมกับการเลี้ยงลูกในยุค Gen alpha
.
#ทำความเข้าใจพื้นฐานของเด็กยุคเจนอัลฟ่า
อาจกล่าวได้ว่า เด็กยุคเจนอัลฟ่าเป็นเด็กที่ฉลาดที่สุดในเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็ว่าได้ !!! เพราะในสมองของเด็กยุคนี้มีคลังความรู้มหาศาลเมื่อเทียบกับรุ่นที่ผ่าน ๆ มา เป็นยุคแห่งเทคโนโลยีที่พร้อมเปิดกว้างให้พวกเขาได้เรียนรู้ รับข้อมูลข่าวสาร ความรู้ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อมองภาพรวม Generation Alpha ที่เติบโตมาพร้อมเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ในระดับสูง พวกเขาจะมีความเชี่ยวชาญด้านการใช้คอมพิวเตอร์สูงกว่าทุกเจนที่ผ่านมา สามารถเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีเพื่อการสืบค้นข้อมูลหรือเพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิต กล้าลองผิด ลองถูก
การใช้ชีวิตที่อยู่กับเทคโนโลยี ทำให้ได้อยู่กับตนเองมากขึ้น การใช้ชีวิตอยู่กับเทคโนโลยีทำให้เด็กเจนอัลฟ่า เป็นเด็กที่มีความเป็นตัวเองสูง รักอิสระ แต่ขาดความอดทน และชื่นชอบการใช้ชีวิตคนเดียว ขาดการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ขาดความยืดหยุ่น ห่างไกลธรรมชาติ ความเชื่อและศาสนา เมื่อเปรียบเทียบกับเจนเนอร์เรชั่นอื่น ๆ ที่ผ่านมา
.
#เลี้ยงลูกเจนอัลฟ่าอย่างไรให้สมดุลทั้งคุณภาพและมีความสุข
การเลี้ยงลูกในยุค Gen alpha เป็นยุคที่มีการแข่งขันสูง สารพัดความกดดันที่เกิดขึ้น การเลี้ยงลูกไม่ใช่เลี้ยงเพื่อให้ลูกเก่ง ดี เพื่อเตรียมพร้อมลงสนามแข่งขันเพียงเท่านั้น แต่การเลี้ยงลูกควรมีความสมดุลทั้งการเรียน การเล่น การพักผ่อน ไม่ใช่เก่งแต่ไม่มีความสุข เก่งแต่ไม่เข้าใจตนเอง เก่งแต่ไม่เข้าใจผู้อื่น ดังนั้น มาวางทิศทางเพื่อสร้างรากฐานการเลี้ยงลูกในยุคเจนอัลฟ่าไปพร้อมกัน
.
#เข้าใจธรรมชาติของวัย
ความสัมพันธ์ในทุกรูปแบบจะราบรื่นหรือเกิดปัญหาน้อยลง คือ การทำความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ เอาใจลูกมาใส่ใจเรา เข้าใจสังคมและบริบทรอบตัวลูก จะทำให้คุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองเข้าใจพฤติกรรมและลักษณะของเด็กยุคเจนอัลฟ่ามากขึ้น เมื่อพ่อแม่ปรับตัว เปิดใจเพื่อทำความเข้าใจธรรมชาติของเด็กยุคเจนอัลฟ่ามากขึ้น เราจะเข้าใจความคิดของลูกมากขึ้น ใช้วิธีการเข้าใจความรู้สึกของลูกด้วยการรับฟังด้วยใจที่เปิดกว้าง สะท้อนความรู้สึกของพ่อแม่ที่มีต่อเรื่องราวแบบไม่ตัดสิน และใช้โจทย์เพื่อให้ลูกตระหนักคิดถึงเรื่องราวนั้น ๆ ด้วยตนเอง โดยพ่อแม่ทำหน้าที่ให้คำแนะนำเมื่อลูกต้องการ เพื่อฝึกให้ลูกติดอาวุธทางปัญญาด้วยการรู้เท่าทันปัญหา และเรียนรู้การแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง
.
#เข้าใจเทคโนโลยีเป็นสิ่งจำเป็น แต่ต้องมีขอบเขต แม้ว่าเด็กยุค Gen alpha จะเติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายและรวดเร็ว แต่เหรียญย่อมมีสองด้าน ทุกอย่างมีทั้งข้อดี และข้อเสีย อะไรที่มากเกินไปย่อมไม่ดี แม้ว่าเทคโนโลยีจำเป็นสำหรับเด็กเจนนี้ก็ตาม แต่คุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองยังจำเป็นต้องสอนให้ลูกรู้จักสื่อประเภทต่าง ๆ และเลือกสื่อที่เหมาะสมกับวัยของตนเอง ก่อนอื่นคุณพ่อคุณแม่ควรเรียนรู้สื่อเทคโนโลยีตามไปด้วย รวมถึงก่อนการหยิบยื่นสื่อเทคโนโลยีหรือโทรศัพท์มือถือควรร่วมกันตั้งกฎเกณฑ์การใช้งาน การเล่นอย่างชัดเจน เพื่อฝึกวินัย และไม่ทำให้ลูกพึ่งพาเทคโนโลยีมากจนเกินไป
.
#เป็นผู้ประคองมากกว่าผู้ปกครอง ที่คอยควบคุม ออกคำสั่งให้ทำตามที่พ่อแม่ต้องการ หรือความรักลูกที่มากเกินไปจนไม่อยากให้ลูกผิดหวัง ผิดพลาด ทำให้ไม่ยอมให้ลูกลงมือทำสิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนมาเป็นพ่อแม่ที่คอยเสริมแรงใจ เป็นกองเชียร์ เป็นโค้ช (ข้างสนามที่ไม่ต้องลงไปเล่นเอง) เป็นกำลังใจสนับสนุนให้ลูกได้เรียนรู้ ลองทำด้วยตนเอง ต้องยอมรับว่า เด็กยุค Gen alpha เป็นเด็กที่อยากรู้ อยากลอง ยิ่งได้ทดลอง ได้ลงมือทำมากเท่าไรยิ่งส่งเสริมให้ลูกเกิดทักษะการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น
.
#สอนลูกให้เห็นอกเห็นใจผู้อื่น (empathy) การเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เป็นหนึ่งในทักษะชีวิตที่สำคัญเพราะจะทำให้เด็กสามารถควบคุมอารมณ์ มีความอดทนอดกลั้น และมีความสามารถในการปรับตัวเข้ากับผู้อื่น ข้อดีสำหรับเด็ก ๆ ที่มี Empathy เขาจะเป็นที่รักของเพื่อน ช่วยลดปัญหาการถูกกลั่นแกล้ง และยังเป็นเด็กที่มีพลังบวก ทำให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ดี สิ่งเหล่านี้เริ่มต้นตั้งแต่ที่บ้าน ด้วยการให้ความรัก ความอบอุ่น และความเข้าใจ สอนลูกให้รู้จักการเสียสละและช่วยเหลือผู้อื่น อย่าลืมคำชมเพื่อสะท้อนพฤติกรรมดี เป็นคำชมที่เน้นบุคลิก ตัวตนของลูก เช่น “แม่ดีใจที่หนูเป็นเด็กที่ชอบช่วยเหลือคนอื่น” “หนูเป็นเด็กที่เอาใจใส่คนอื่นเสมอ” หรือการตั้งคำถามสะท้อนความรู้สึกและการกระทำบางอย่าง ลูกจะสามารถเรียนรู้และเกิดความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เช่น ลูกจะทำยังไงหากเพื่อนกำลังเสียใจ เป็นต้น
.
การเลี้ยงลูกไม่ว่าจะยุคสมัยใด เจนใด จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปหากเราเข้าใจธรรมชาติการเปลี่ยนแปลง และใช้การสื่อสารเชิงบวกที่สร้างสัมพันธภาพที่ดีแก่ทุกคนในครอบครัว สำหรับคุณพ่อคุณแม่ท่านใดที่ต้องการเลี้ยงลูกเชิงบวก การปรับพฤติกรรม เทคนิคการสื่อสาร การชม การให้รางวัลและการลงโทษ สามารถลงทะเบียนเรียนฟรีได้ที่ https://www.netpama.com/ ซึ่งคอร์สเรียนของเราถูกออกแบบโดยจิตแพทย์และนักจิตวิทยาเด็กและวัยรุ่น มีทั้งคลิปวิดีโอเรื่องราวต่าง ๆ ตัวอย่างคำพูดที่สามารถนำไปใช้ได้จริง ที่สำคัญเรียนฟรี!!! ด้วยนะคะ
.
#NetPAMA #เน็ตป๊าม้า #คัมภีร์เลี้ยงลูกเชิงบวก #GenAlpha
.
Gen alpha (generation alpha) คือ เด็กเกิดในช่วงปี พ.ศ. 2553 หรือ ค.ศ. 2010 จนถึงปัจจุบัน เป็นรุ่นลูกของ Gen Y และ Gen Z เด็ก ๆ เจนอัลฟ่ารุ่นแรกน่าจะอายุประมาณ 12 ปีได้แล้ว
.
เด็กยุคเจนอัลฟ่าเป็นเด็กที่เกิดมาในยุคของเทคโนโลยีเต็มรูปแบบหรือดิจิทัลเวิลด์ หรือเรียกอีกอย่างว่ายุค iPad Generation จึงไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า การเลี้ยงลูกยุคเจนอัลฟ่ามีความแตกต่างไปจากเจเนอร์เรชั่นสมัยเราซึ่งเป็นคุณพ่อคุณแม่มากพอสมควร ดังนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่คุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองต้องเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ในด้านต่าง ๆ ไปพร้อมกับการเลี้ยงลูกในยุค Gen alpha
.
#ทำความเข้าใจพื้นฐานของเด็กยุคเจนอัลฟ่า
อาจกล่าวได้ว่า เด็กยุคเจนอัลฟ่าเป็นเด็กที่ฉลาดที่สุดในเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็ว่าได้ !!! เพราะในสมองของเด็กยุคนี้มีคลังความรู้มหาศาลเมื่อเทียบกับรุ่นที่ผ่าน ๆ มา เป็นยุคแห่งเทคโนโลยีที่พร้อมเปิดกว้างให้พวกเขาได้เรียนรู้ รับข้อมูลข่าวสาร ความรู้ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อมองภาพรวม Generation Alpha ที่เติบโตมาพร้อมเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ในระดับสูง พวกเขาจะมีความเชี่ยวชาญด้านการใช้คอมพิวเตอร์สูงกว่าทุกเจนที่ผ่านมา สามารถเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีเพื่อการสืบค้นข้อมูลหรือเพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิต กล้าลองผิด ลองถูก
การใช้ชีวิตที่อยู่กับเทคโนโลยี ทำให้ได้อยู่กับตนเองมากขึ้น การใช้ชีวิตอยู่กับเทคโนโลยีทำให้เด็กเจนอัลฟ่า เป็นเด็กที่มีความเป็นตัวเองสูง รักอิสระ แต่ขาดความอดทน และชื่นชอบการใช้ชีวิตคนเดียว ขาดการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ขาดความยืดหยุ่น ห่างไกลธรรมชาติ ความเชื่อและศาสนา เมื่อเปรียบเทียบกับเจนเนอร์เรชั่นอื่น ๆ ที่ผ่านมา
.
#เลี้ยงลูกเจนอัลฟ่าอย่างไรให้สมดุลทั้งคุณภาพและมีความสุข
การเลี้ยงลูกในยุค Gen alpha เป็นยุคที่มีการแข่งขันสูง สารพัดความกดดันที่เกิดขึ้น การเลี้ยงลูกไม่ใช่เลี้ยงเพื่อให้ลูกเก่ง ดี เพื่อเตรียมพร้อมลงสนามแข่งขันเพียงเท่านั้น แต่การเลี้ยงลูกควรมีความสมดุลทั้งการเรียน การเล่น การพักผ่อน ไม่ใช่เก่งแต่ไม่มีความสุข เก่งแต่ไม่เข้าใจตนเอง เก่งแต่ไม่เข้าใจผู้อื่น ดังนั้น มาวางทิศทางเพื่อสร้างรากฐานการเลี้ยงลูกในยุคเจนอัลฟ่าไปพร้อมกัน
.
#เข้าใจธรรมชาติของวัย
ความสัมพันธ์ในทุกรูปแบบจะราบรื่นหรือเกิดปัญหาน้อยลง คือ การทำความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ เอาใจลูกมาใส่ใจเรา เข้าใจสังคมและบริบทรอบตัวลูก จะทำให้คุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองเข้าใจพฤติกรรมและลักษณะของเด็กยุคเจนอัลฟ่ามากขึ้น เมื่อพ่อแม่ปรับตัว เปิดใจเพื่อทำความเข้าใจธรรมชาติของเด็กยุคเจนอัลฟ่ามากขึ้น เราจะเข้าใจความคิดของลูกมากขึ้น ใช้วิธีการเข้าใจความรู้สึกของลูกด้วยการรับฟังด้วยใจที่เปิดกว้าง สะท้อนความรู้สึกของพ่อแม่ที่มีต่อเรื่องราวแบบไม่ตัดสิน และใช้โจทย์เพื่อให้ลูกตระหนักคิดถึงเรื่องราวนั้น ๆ ด้วยตนเอง โดยพ่อแม่ทำหน้าที่ให้คำแนะนำเมื่อลูกต้องการ เพื่อฝึกให้ลูกติดอาวุธทางปัญญาด้วยการรู้เท่าทันปัญหา และเรียนรู้การแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง
.
#เข้าใจเทคโนโลยีเป็นสิ่งจำเป็น แต่ต้องมีขอบเขต แม้ว่าเด็กยุค Gen alpha จะเติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายและรวดเร็ว แต่เหรียญย่อมมีสองด้าน ทุกอย่างมีทั้งข้อดี และข้อเสีย อะไรที่มากเกินไปย่อมไม่ดี แม้ว่าเทคโนโลยีจำเป็นสำหรับเด็กเจนนี้ก็ตาม แต่คุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองยังจำเป็นต้องสอนให้ลูกรู้จักสื่อประเภทต่าง ๆ และเลือกสื่อที่เหมาะสมกับวัยของตนเอง ก่อนอื่นคุณพ่อคุณแม่ควรเรียนรู้สื่อเทคโนโลยีตามไปด้วย รวมถึงก่อนการหยิบยื่นสื่อเทคโนโลยีหรือโทรศัพท์มือถือควรร่วมกันตั้งกฎเกณฑ์การใช้งาน การเล่นอย่างชัดเจน เพื่อฝึกวินัย และไม่ทำให้ลูกพึ่งพาเทคโนโลยีมากจนเกินไป
.
#เป็นผู้ประคองมากกว่าผู้ปกครอง ที่คอยควบคุม ออกคำสั่งให้ทำตามที่พ่อแม่ต้องการ หรือความรักลูกที่มากเกินไปจนไม่อยากให้ลูกผิดหวัง ผิดพลาด ทำให้ไม่ยอมให้ลูกลงมือทำสิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนมาเป็นพ่อแม่ที่คอยเสริมแรงใจ เป็นกองเชียร์ เป็นโค้ช (ข้างสนามที่ไม่ต้องลงไปเล่นเอง) เป็นกำลังใจสนับสนุนให้ลูกได้เรียนรู้ ลองทำด้วยตนเอง ต้องยอมรับว่า เด็กยุค Gen alpha เป็นเด็กที่อยากรู้ อยากลอง ยิ่งได้ทดลอง ได้ลงมือทำมากเท่าไรยิ่งส่งเสริมให้ลูกเกิดทักษะการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น
.
#สอนลูกให้เห็นอกเห็นใจผู้อื่น (empathy) การเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เป็นหนึ่งในทักษะชีวิตที่สำคัญเพราะจะทำให้เด็กสามารถควบคุมอารมณ์ มีความอดทนอดกลั้น และมีความสามารถในการปรับตัวเข้ากับผู้อื่น ข้อดีสำหรับเด็ก ๆ ที่มี Empathy เขาจะเป็นที่รักของเพื่อน ช่วยลดปัญหาการถูกกลั่นแกล้ง และยังเป็นเด็กที่มีพลังบวก ทำให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ดี สิ่งเหล่านี้เริ่มต้นตั้งแต่ที่บ้าน ด้วยการให้ความรัก ความอบอุ่น และความเข้าใจ สอนลูกให้รู้จักการเสียสละและช่วยเหลือผู้อื่น อย่าลืมคำชมเพื่อสะท้อนพฤติกรรมดี เป็นคำชมที่เน้นบุคลิก ตัวตนของลูก เช่น “แม่ดีใจที่หนูเป็นเด็กที่ชอบช่วยเหลือคนอื่น” “หนูเป็นเด็กที่เอาใจใส่คนอื่นเสมอ” หรือการตั้งคำถามสะท้อนความรู้สึกและการกระทำบางอย่าง ลูกจะสามารถเรียนรู้และเกิดความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เช่น ลูกจะทำยังไงหากเพื่อนกำลังเสียใจ เป็นต้น
.
การเลี้ยงลูกไม่ว่าจะยุคสมัยใด เจนใด จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปหากเราเข้าใจธรรมชาติการเปลี่ยนแปลง และใช้การสื่อสารเชิงบวกที่สร้างสัมพันธภาพที่ดีแก่ทุกคนในครอบครัว สำหรับคุณพ่อคุณแม่ท่านใดที่ต้องการเลี้ยงลูกเชิงบวก การปรับพฤติกรรม เทคนิคการสื่อสาร การชม การให้รางวัลและการลงโทษ สามารถลงทะเบียนเรียนฟรีได้ที่ https://www.netpama.com/ ซึ่งคอร์สเรียนของเราถูกออกแบบโดยจิตแพทย์และนักจิตวิทยาเด็กและวัยรุ่น มีทั้งคลิปวิดีโอเรื่องราวต่าง ๆ ตัวอย่างคำพูดที่สามารถนำไปใช้ได้จริง ที่สำคัญเรียนฟรี!!! ด้วยนะคะ
.
#NetPAMA #เน็ตป๊าม้า #คัมภีร์เลี้ยงลูกเชิงบวก #GenAlpha
เน็ตป๊าม้า ขอแนะนำหลักสูตรออนไลน์ สอนเทคนิคเชิงบวกในการปรับพฤติกรรมเด็ก
คอร์สเร่งรัด
เหมาะสำหรับผู้ปกครองที่มีพื้นฐานการปรับพฤติกรรมเด็กเชิงบวกอยู่แล้ว
แต่ต้องการแก้ไขปัญหาพฤติกรรมเด็กที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น
คอร์สจัดเต็ม
เหมาะสำหรับผู้ปกครองที่ต้องการเรียนรู้และฝึกใช้เทคนิคการปรับพฤติกรรมเด็ก
อย่างเป็นขั้นบันได เพื่อเตรียมพร้อมที่จะนำไปรับมือกับปัญหาพฤติกรรมเด็ก
อย่างมั่นใจ