พลังรักจากผู้หญิงธรรมดาที่เรียกว่าแม่ สู่พลังใจอันยิ่งใหญ่ในความสำเร็จของลูก
พลังรักจากผู้หญิงธรรมดาที่เรียกว่าแม่ สู่พลังใจอันยิ่งใหญ่ในความสำเร็จของลูก WatchAndLearn
วันนี้มาชวนดูหนังเรื่อง “The Blind Side“ ซึ่งสร้างจากโครงเรื่องจริงของ ‘ไมเคิล ออห์ร' นักอเมริกันฟุตบอลผิวสีชื่อดัง ถึงแม้จะมีชีวิตในวัยเด็กที่แห้งแล้ง แต่ด้วยสายฝนแห่งความรักและความอบอุ่นที่ได้รับจากครอบครัวอุปถัมภ์ สุดท้ายไมเคิล ออห์ร ก็เติบโตอย่างสง่างามและน่าภาคภูมิใจ เป็นหนังที่ดูแล้วอิ่มเอมและให้อะไรกับพ่อแม่อย่างเราได้มากจริงๆค่ะ
*SPOILER ALERT* ข้อความด้านล่างนี้มีพูดถึงเนื้อหาหนัง
ไมเคิล ออห์ร เด็กชายผิวสีที่เกิดมาในครอบครัวที่ยากจนอาศัยอยู่ในแหล่งเสื่อมโทรม เค้าไม่เคยแม้แต่เห็นหน้าพ่อ มีแม่ที่เสพยาจนไม่สามารถดูแลลูกได้ ไมเคิลจึงถูกส่งไปอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ และสุดท้ายได้ถูกส่งต่อไปพักอาศัยตามบ้านเพื่อน
พ่อของเพื่อนได้ช่วยฝากไมเคิลให้เข้าโรงเรียน ประวัติการเรียนเรียกได้ว่าแย่ วิชาเดียวที่ทำได้ดีมากคือ ”สัญชาตญาณผู้ปกป้อง” แต่โค้ชของโรงเรียน ได้เห็นถึงทักษะการเล่นกีฬาของเค้า จึงโน้มน้าวโรงเรียนให้รับไมเคิลเข้าเป็น นักเรียนทุนด้านกีฬา
ท่ามกลางนักเรียน ไมเคิลเปรียบเสมือน “แกะดำ” เด็กหนุ่มร่างโต ผิวสี ขาดความไว้ใจผู้อื่น ไม่ยอมพูดกับใครหรือแม้แต่กับครูจนทำให้ถูกมองว่า เป็นคนน่ากลัวและเป็นตัวประหลาด ครูส่วนใหญ่คิดว่าเค้าคือภาระ
ไมเคิลได้พบกับ “ลีห์แอน ทูฮี“ แม่ลูกสองที่ครอบครัวฐานะดี จิตใจดี และเป็นผู้ให้ เธอกับสามีเห็นเค้าบ่อยๆที่โรงเรียนลูก หลายการกระทำที่มองดูห่างๆ ทำให้ทั้งคู่รู้สึกว่า จริงๆเด็กคนนี้เป็นคนที่จิตใจดี
วันหนึ่งลีห์แอนตัดสินใจพาไมเคิลไปพักอาศัยที่บ้านชั่วคราว หลังจากได้บังเอิญเจอเด็กหนุ่มเดินหนาวสั่นอยู่ตามลำพัง โดยสวมเพียงเสื้อยืดตัวเก่า กางเกงบางๆ และได้รับคำตอบว่ากำลังจะไปนอนที่โรงยิมของโรงเรียน เพราะที่นั่นมันอุ่นที่สุดแล้วสำหรับเค้า
ครอบครัวทูฮีต้อนรับไมเคิลอย่างอบอุ่น แต่เพราะความแตกต่างด้านสีผิว จึงทำให้เกิดข้อครหามากมายจากคนรอบข้าง แต่พวกเค้าเลือกที่จะมองและเชื่อใน ”ตัวตนที่แท้จริง” ของไมเคิล สุดท้ายครอบครัวทูฮีได้ตัดสินใจรับอุปถัมภ์เด็กหนุ่มเป็นลูกบุญธรรมให้ความรักและความอบอุ่น ส่งเสริมศักยภาพท่ีมี จนในที่สุด ไมเคิลก็ประสบความสำเร็จกลายเป็นเป็นนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลที่โด่งดังและมีชื่อเสียง
ไม่รอด…ร้องไห้อีกแล้ว ดูเรื่องนี้กับลูกไป น้ำตาซึมไปจนถึงระดับไหลเป็นทางตลอดเรื่องด้วยความตื้นตันจนลูกสงสัยว่าแม่เป็นอะไร
จากใจคนเป็นแม่ เราได้อะไรจากการดูหนังเรื่องนี้มากจริงๆ..
แม่มีความสำคัญกับลูกมาก และในเส้นทางชีวิตของลูกนั้นต้องการพลังแห่งความรักและกำลังใจจากพ่อแม่อย่างพวกเราจริงๆ
คนทุกคนต้องการโอกาส อย่าตัดสินใครจากภายนอกหรือเพียงแค่จากสิ่งที่เราเห็น อย่าตัดสินคนอื่นจากภูมิหลัง เชื้อชาติ สีผิว ศาสนา และอื่นๆ ควรเปิดใจใช้เวลาศึกษาจากตัวตนแท้จริงของคนๆนั้น
เด็กทุกคนต้องการความรัก และความไว้ใจโดยเฉพาะจากครอบครัว ถึงลีห์แอนจะไม่ใช่แม่แท้ๆ แต่เธอแสดงออกอย่างชัดเจนว่า เธอรักและเชื่อมั่นในตัวไมเคิล ปกป้องดูแลเค้าสุดแรงกายแรงใจไม่ต่างจากลูกแท้ๆ ทำให้ไมเคิลรับรู้ถึงความรัก ความอบอุ่นและปลอดภัย เชื่อมั่นในตัวเองทีละน้อย ลุกขึ้นมาเดินตามฝันจนประสบความสำเร็จในที่สุด
เด็กทุกคนต้องการการยอมรับ และมีคุณค่าในตัวเอง โดยมีพ่อแม่คอยอยู่เคียงข้าง ช่วยสนับสนุนศักยภาพของลูกรวมถึงให้คำชี้แนะได้แต่ไม่ชี้นำ
ครั้งหนึ่งไมเคิลได้ถามลีห์แอนว่า “อยากให้เค้าเรียนต่อและเป็นนักกีฬาทุนที่มหาวิทยาลัยเทนเนสซี่ใช่หรือไม่”
และคำตอบที่ได้รับคือ “แม่อยากให้ลูกทำสิ่งที่อยากทำ ลูกต้องตัดสินใจเองเพราะมันคือชีวิตของลูก แต่แม่สัญญาว่า ไม่ว่าลูกจะเรียนและแข่งที่ไหน แม่จะไปดูการแข่งขันของลูกทุกเกม”
การเป็นผู้ให้โดยไม่หวังผลใดๆ คือสิ่งที่สวยงามที่สุด พ่อแม่สามารถสอนให้ลูกรู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เรียนรู้ในการให้โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทนโดยการเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูก
เราควรทำตามสิ่งที่คนอื่นบอกเสมอไปหรือไม่…
“เกียรติยศ” คือเหตุผลที่แท้จริง ว่าเราควรหรือไม่ที่จะทำสิ่งนั้น หากเราต้องการเป็นบุคคลสำคัญให้ได้ เราต้องมีทั้งเกียรติยศและความกล้าหาญ และ ภาวนาว่า…คนที่เฝ้าบอกเราว่าควรจะทำอะไร…เค้าคนนั้นจะมีสิ่งนั้นด้วย - ไมเคิล ออห์ร
หวังว่าหนังเรื่องนี้จะมีประโยชน์ และสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกท่านไม่มากก็น้อยนะคะว่าแต่ใครดูแล้วร้องให้บ้าง มายกมือเป็นเพื่อนกันหน่อยไม่ต้องอาย ลูกบ้านนี้เห็นแม่เช็ดน้ำตาจนชินชาละค่า ( ยื่นกระดาษทิชชู่ ..)
บทความโดย มัมมี่Bชวนเมาท์
สำหรับพ่อแม่ที่สนใจร่วมเป็นสมาชิกเน็ตป๊าม้า สามารถลงทะเบียนคอร์สเรียนต่าง ๆ เกี่ยวกับการเลี้ยงลูกเชิงบวกได้ทาง www.netpama.com ฟรี ! ไม่มีค่าใช้จ่าย !