เลือกของขวัญอย่างไรให้ถูกใจลูก
เลือกของขวัญอย่างไรให้ถูกใจลูก (และอนาคตของลูก)
สิ่งสำคัญของการเลือกของขวัญที่ถูกใจคือ แรงบันดาลใจ การเลือกสิ่งที่เราอยากให้และลูกก็อยากได้ เริ่มต้นง่าย ๆ จากการทำความเข้าใจลูกในมุมใหม่ หรือมุมเดิมที่ลึกขึ้น (empathize) การใช้เวลากับลูกด้วยความสบาย ๆ เปิดหู เปิดตา เปิดใจ สังเกตและตอบโต้ตามเรื่องราวของลูกไปอย่างตั้งใจจะทำคุณพ่อคุณแม่ได้เห็นความชอบ ความสนุก แรงบันดาลใจ ความสนใจ และตัวตนของเขามากขึ้น จากนั้นคุณพ่อคุณแม่อาจจะใช้เวลาสั้น ๆ ก่อนนอนลองมาบันทึกว่าวันนี้ได้เห็นว่าลูกสนใจอะไร ชอบอะไร สนุกกับอะไร ตามที่ได้เห็นมา ตัวอย่างเช่น
วันนี้ฉันเห็นลูกเล่นเป็นนางฟ้าหลายครั้ง “ลูกน่าจะกำลังอินกับบทบาทของนางฟ้า” หรือ “ลูกชอบการเล่นแบบแสดงเป็นตัวละครต่าง ๆ”
วันนี้สังเกตว่าลูกอารมณ์ดี หัวเราะง่ายมากเวลาได้ยินเสียงเพลงหรือเวลาฮัมเพลงมั่ว ๆ แค่นี้ก็หัวเราะแล้ว “คิดว่าลูกน่าจะชอบเสียงเพลงนะ”
2. สร้างสรรค์ไอเดียใหม่ ๆ (Create A Lot of Ideas)
หลังจากที่ได้ลองบันทึกความชอบ ความสนใจของลูกไปแล้ว ขอเวลาอีก 5 นาที มาสร้างไอเดียของขวัญกันต่อเลยค่ะ ที่แนะนำให้ทำตอนนี้เพราะประสบการณ์ของคุณพ่อคุณแม่ที่มีกับลูกยังสดใหม่เป็นความทรงจำที่ยังชัดเจนที่แอบทำงานอยู่ในสมองเรา จะช่วยให้เราสร้างสรรค์ไอเดียที่ตรงใจลูกได้มากขึ้น ซึ่งวิธีการก็ง่ายมาก ๆ ค่ะ ขั้นแรก ลองเปลี่ยนความสนใจของลูกให้เป็นโจทย์ อย่างเช่น
ความสนใจของลูก “ลูกน่าจะกำลังอินกับบทบาทนางฟ้า”
โจทย์ “เราจะช่วยให้ลูกได้มีประสบการณ์สนุก ๆ กับนางฟ้าได้ยังไง
ความสนใจของลูก “ลูกชอบแสดงละคร”
โจทย์ “เราจะช่วยให้ลูกได้ลองแสดงละครแบบใหม่ ๆ ได้อย่างไร”
.
ขั้นตอนต่อไปใช้อีก 3 นาทีที่เหลือ คุณพ่อคุณแม่ลองเลือกโจทย์มา 1 ข้อแล้วสร้างไอเดียออกมา โดยยังไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงคุณภาพของคำตอบนะคะ ให้ลองสร้างไอเดียขึ้นมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนค่ะ ตัวอย่างจากโจทย์ในข้อนี้ “เราจะช่วยให้ลูกได้ลองแสดงละครแบบใหม่ ๆ ได้อย่างไร”
ตัวอย่างไอเดียที่สามารถสร้างขึ้นมาได้ อย่างเช่น
- พาไปเรียนการแสดง
- เปิดนิทานเสียง แล้วให้ลูกแสดงตามนิทาน
- อ่านนิทาน แล้วให้ลูกแสดงตาม
- หยิบของรอบตัวมาให้ลูก แล้วให้ลูกแสดงละคร หรือเล่านิทานอะไรก็ได้
- เราไปแสดงละครกับลูก
- ชวนคนในบ้านทั้งบ้านมาแสดงละครกับลูก
- เปิดหนังสือนิทานแล้วสลับกันพากย์เสียงกับลูก เล่าเรื่องจากภาพก็ได้ไม่ต้องอ่าน
- ทำ theater day กิจกรรมทั้งวันสวมบทบาทเป็นพ่อมด แม่มดตลอดทั้งวัน
- พาไปสวนสัตว์แล้วให้ลูกแสดงเป็น zoo keeper ลองอธิบายสัตว์ต่าง ๆ
- พาไปสวนสาธารณะแล้วพาลูกแสดงเป็นนักพฤกษศาสตร์ศึกษาพรรค์ไม้
- ชวนเพื่อนลูกมาทำ theater day กันที่บ้าน หรือที่ต่าง ๆ นอกบ้าน
- ให้ลูกดูละคร แล้วแสดงตาม
- พาไป cast เป็นนักแสดง
- พาไปประกวดร้องเพลง เต้น
.
หลังจากสร้างที่ได้ไอเดียต่าง ๆ มากมายเหล่านี้แล้วขั้นตอนต่อไป เราจะมาเลือกไอเดียดี ๆ เพื่อความสุขของลูกในวันนี้และเพื่ออนาคตที่ดีของลูกด้วยค่ะ
.
3. เลือกใช้ไอเดียดี ๆ (Pick & Test)
- ขั้นที่ 1 ตัดไอเดียที่คิดว่าไม่เหมาะกับวัย หรือกับพัฒนาการออกไปก่อน
ถ้าเป็นเด็กเล็ก อาจจะตัดไอเดียที่เกี่ยวข้องกับการให้นั่งดูหน้าจอคนเดียวนาน ๆ หรือกิจกรรมที่อาจจะเป็นอันตราย รวมถึงตัดสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ยังไม่พร้อมทำ เช่น ต้องใช้งบประมาณมากเกินไป ต้องใช้เวลาร่วมกันค่อนข้างมากออกไปก่อนได้ค่ะ
- ขั้นที่ 2 เลือกไอเดียที่คิดว่าถ้าพาทำสิ่งนี้หรือว่าให้สิ่งนี้แล้วลูกน่าจะมีความสุข มาสัก 3-5 ไอเดีย
.
- ขั้นที่ 3 เรียงลำดับไอเดียตามประโยชน์ที่มีต่อพัฒนาการ หรืออนาคตของลูก
ในขั้นตอนนี้ เราสามารถเลือกใช้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพัฒนาการของลูกด้านโดยคุณพ่อคุณแม่สามารถเลือกพัฒนาการด้านไหนก็ได้นะคะ หรือจะใช้ประสบการณ์ของคุณพ่อคุณแม่ก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ อย่างเช่น หากลูกอยู่ในวัยเด็กเล็ก วัยเตาะแตะ จนถึงก่อนวัยรุ่น ช่วงเวลานี้จะเป็นเวลาทองของการสร้างความสัมพันธ์และความใกล้ชิดกับลูก ดังนั้นการเลือกของขวัญที่เพิ่มเวลาคุณภาพ (quality time) ระหว่างคุณพ่อคุณแม่และลูก จึงเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อความสุขในปัจจุบัน และความแข็งแรงของจิตใจในระยะยาวของลูกค่ะ
สมมติว่ามีตัวเลือกไอเดียที่คัดมาแล้วว่าปลอดภัย ลูกน่าจะชอบอยู่ 5 อย่าง คือ
- พาไปเรียนการแสดง
- เปิดนิทานเสียง แล้วให้ลูกแสดงตามนิทาน
- อ่านนิทาน แล้วให้ลูกแสดงตาม
- ทำกิจกรรมสวมบทบาท (theater day) เป็นพ่อมด แม่มดตลอดทั้งวัน
- พาไปสวนสัตว์แล้วให้ลูกแสดงเป็นผู้ดูแลสัตว์ (zoo keeper) ลองอธิบายสัตว์ชนิดต่าง ๆ
ไอเดียที่ 2 กับ 3 ใกล้เคียงกัน คือให้ลูกแสดงบทบาทสมมติ ต่างกันตรงที่ไอเดียที่ 2 เปิดนิทานเสียง ส่วนไอเดียที่ 3 เป็นเสียงคุณพ่อคุณแม่อ่านเอง ถ้าเลือกไอเดียที่ 3 จะมีโอกาสที่ได้มีเวลาคุณภาพ (quality time) กับลูกมากกว่า แต่ถ้าหากต้องการเปิดนิทานเสียง คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถใช้วิธีลงไปแสดงบทบาทสมมติกับลูกเลยก็ได้ หรือจะทดลองเป็นเบื้องหลังที่คอยทำเสียงประกอบ (sound effect) ช่วยหยิบอุปกรณ์ให้นักแสดง เป็นต้น
- ขั้นที่ 4
คุณพ่อคุณแม่ลองคิดแผนในใจว่าพรุ่งนี้หรือสัปดาห์นี้ จะลองเอาไอเดียที่คิดไว้วันนี้ไปทดลองเล่นกับลูกง่าย ๆ ได้ยังไงบ้าง หากทดลองแล้วลูกชอบก็ค่อยลงทุนกับของขวัญมากขึ้น เช่น ซื้ออุปกรณ์ ซื้อหนังสือเสียงเพิ่ม ซื้อเครื่องแต่งตัว มาเสริมให้กิจกรรมแสดงละครของลูกให้มีสีสัน และสนุกสนานมากยิ่งขึ้น
.
ลูก ๆ ไม่ได้ต้องการของแพง ๆ ขอเพียงเป็นสิ่งที่เขาสนใจ สนุก และที่สำคัญได้ใช้เวลาคุณภาพกับคุณพ่อคุณแม่ ไม่ต้องใช้เวลานานก็ได้นะคะ ขอเพียงแค่เน้นไปที่การให้ความสนใจกับเขา เพียงเท่านี้ก็เป็นของขวัญที่ถูกใจ และยังเป็นการลงทุนสร้างจิตใจที่แข็งแรงให้กับลูกในระยะยาวด้วย
ใครมีวิธีเลือกของขวัญให้ลูกอย่างไร อย่าลืมเอามาแชร์เพื่อน ๆ กันด้วยนะคะ
เขียนโดย: พญ. ขวัญกมล เดชาติวงค์ ณ อยุธยา
เรียบเรียง: นลินภัสร์ ศูนย์จันทร์
ภาพประกอบ: Pavel Danilyuk