รับฟังลูกด้วยหัวใจ : ทำอย่างไร เมื่อคิดต่างเรื่องการเมือง ?
ประเด็นร้อนระอุในบ้านเมืองเราระยะนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องปัญหาการเมือง
ที่จริงมันก็เป็นปัญหาที่ฝังรากลึกมานานในสังคมเรา และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเมืองไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย มันเกี่ยวพันกับเกือบทุกสิ่งในชีวิตของเรา
ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ความขัดแย้งทางการเมืองในบ้านเมืองเราได้ทวีความร้อนแรงยิ่งขึ้น ทั้งเปลี่ยนจากความขัดแย้งทางความคิดระดับปัจเจก ไปสู่ความขัดแย้งระดับสังคม และหลายครั้ง ความขัดแย้งนี้ก็ได้ย้อนกลับมาลุกลามเข้าถึงในบ้านด้วย
โดยเฉพาะในบ้านที่ลูกๆเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นซึ่งเป็นช่วงวัยที่เริ่มค้นหาที่ทางของตนเองในโลก เด็กวัยรุ่นจึงเริ่มให้ความสนใจกับความเป็นไปของสังคมรอบตัว อีกทั้งยังได้รับอิทธิพลจากภายนอกโดยเฉพาะจากโลกออนไลน์มากขึ้น นำไปสู่ความคิดความเชื่อที่แตกต่างจากพ่อแม่
แล้วเราจะอยู่ร่วมในบ้านเดียวกันได้อย่างไร เมื่อคิดต่างกัน ?
เมื่อวันอังคารที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เน็ตป๊าม้าได้มีโอกาสเชิญผู้เชี่ยวชาญสองท่านมาพูดคุยในประเด็นร้อนแรงนี้ ได้แก่ พญ. เบญจพร ตันตสูติ (จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น เจ้าของเพจ ‘เข็นเด็กขึ้นภูเขา’ ) และดร. สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน (นักวิชาการสื่อสารมวลชนอิสระ ทางด้านเด็ก เยาวชนและครอบครัว) โดยทั้งสองท่านได้ให้ข้อคิดและคำแนะนำที่น่าสนใจในหลายอย่างเลยค่ะ
วันนี้ เราจึงได้รวบรวมประเด็นต่างๆจากไลฟ์ครั้งนี้มา เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อพ่อแม่ที่อาจกำลังประสบปัญหาเรื่องความเห็นต่างทางการเมืองกับลูกๆ ต่อไปค่ะ
“มันเป็นปัญหาที่ซับซ้อนมีหลายมิติ” : ทำไมการเมืองจึงเป็นหัวข้อที่ทำให้เกิดความรุนแรงเมื่อเห็นต่างกัน ?
มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้การเมืองเป็นสิ่งละเอียดอ่อน ที่เมื่อหยิบยกมาพูดคุยกันเมื่อไรก็เป็นต้องผิดใจกันทุกครั้ง
ปัจจัยแรก เป็นเพราะการเมืองไม่ใช่แค่เรื่องรสนิยมความชอบ แต่เป็นเรื่องของความคิดความเชื่อ และสิ่งใดก็ตามที่มีความเชื่อมาเกี่ยวข้อง มักเป็นประเด็นละเอียดอ่อนที่ยากจะหาจุดลงตัวหรือข้อสรุปได้
นอกจากนี้ความขัดแย้งด้านการเมืองก็เป็นสิ่งที่ดำเนินอยู่ในบ้านเมืองเรามานาน เราต่างติดอยู่ในวังวนของความขัดแย้งนี้มาหลายสิบปีแล้ว จนความขัดแย้งนั้นรุนแรงและฝังรากลึกอยู่ในสังคม
ปัจจัยที่สองคือเรื่องอิทธิพลภายนอกที่มีผลต่อความคิดของเด็กๆรุ่นใหม่
เด็กๆรุ่นนี้เติบโตมาพร้อมโลกออนไลน์ เขาสามารถรับข้อมูลข่าวสารมากมายได้จากอินเทอร์เน็ต ซึ่งย่อมมีผลต่อความคิดความเชื่อของตัวเด็กเอง
ต่างจากในอดีตที่พ่อแม่คือผู้ที่มีอิทธิพลหลักต่อความคิดความเชื่อของลูก
เมื่อรับสื่อจากแหล่งที่ต่างกัน จนความคิดความเชื่อต่างกัน จึงนำไปสู่ปัจจัยที่สาม คือช่องว่างระหว่างรุ่น (Generation gap) และสิ่งนี้ก็เป็นอีกปัจจัยที่ย้อนกลับมามีผลให้เกิดความขัดแย้งจากความเห็นที่ต่างกันในครอบครัวนั่นเอง
ปัจจัยสุดท้าย แต่สำคัญที่สุดคือ พื้นฐานสัมพันธภาพในครอบครัว
แม้จะคิดต่างกัน แต่หากในครอบครัวมีสายสัมพันธ์ที่ดี ย่อมสามารถหาวิธีการพูดคุยที่เข้าอกเข้าใจกันได้ ให้ความขัดแย้งไม่รุนแรง
ซึ่งเราจะพูดถึงเรื่องนี้ในประเด็นต่อไปกันค่ะ
“การทะเลาะกับลูกวัยรุ่น เหมือนการพายเรือทวนกระแสน้ำ” : พ่อแม่จะพูดคุยกับลูกเรื่องการเมืองอย่างไร ให้ไม่ทะเลาะกัน ?
คุณพ่อคุณแม่หลายท่านอาจกังวลว่าเรื่องการเมืองเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก จนไม่รู้จะเริ่มพูดคุยกับลูกอย่างไรในเรื่องนี้
ที่จริงแล้ว หากเป็นครอบครัวที่มีสัมพันธภาพใกล้ชิดกัน พ่อแม่จะสามารถจับสัมผัสได้ว่าลูกมีความคิดกับการเมืองอย่างไร โดยไม่ต้องตั้งเป็นประเด็นขึ้นมา แต่รู้ได้จากการพูดคุยอย่างเป็นธรรมชาติ
เช่น หากมีข่าวเกี่ยวกับการเมือง ก็อาจลองถามว่าลูกคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ แลกเปลี่ยนความเห็นกัน โดยทำให้การเมืองเป็นเหมือนเรื่องทั่วไปที่สามารถพูดคุยกันได้
โดยมีคำแนะนำเกี่ยวกับการเตรียมพร้อมในการพูดคุยเรื่องการเมืองกับลูก ดังนี้ค่ะ
-
เตรียมอารมณ์ตนเองให้พร้อม ให้อารมณ์คงที่ มีสติ ไม่โกรธ อีกทั้งเตรียมใจว่านี่เป็นเรื่องที่อาจทำให้เกิดอารมณ์รุนแรงได้ จึงต้องควบคุมอารมณ์ตนเองให้ดี
-
ดูลูกว่าอยู่ในสภาพที่พร้อมจะพูดคุยหรือไม่ ถ้าลูกยังไม่พร้อม ไม่อยากคุย ก็ไม่ควรฝืนพูดคุย เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จึงต้องอาศัยจังหวะเวลาที่ดีด้วย
-
รับฟังลูกด้วยหัวใจ ให้ลูกเริ่มเล่าความเห็นตนเองก่อน และรับฟังอย่างตั้งใจ ไม่ตัดสิน
-
พูดคุยด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่กล่าวโทษ
-
ค่อยๆบอกเล่ามุมมองของตนเอง แสดงให้ลูกรู้ว่าที่พ่อแม่ไม่เห็นด้วยเพราะอะไร
-
พูดคุยหาจุดที่เป็นตรงกลางและยอมรับได้ทั้งสองฝ่าย
สิ่งสำคัญที่สุดคือการแสดงให้ลูกรู้ว่าเป็นห่วง พร้อมสนับสนุน แสดงความรักความห่วงใย เพื่อให้ลูกรู้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พ่อแม่ก็พร้อมจะโอบกอดลูกเสมอ
นอกจากนี้ ยังมีสิ่งต้องห้ามที่พ่อแม่ไม่ควรทำอย่างเด็ดขาดในการพูดคุยกับลูก ได้แก่
-
ไม่ใช้ถ้อยคำรุนแรง ไม่ต่อว่าหรือพูดด้วยอารมณ์รุนแรง
-
อย่าทวงบุญคุณลูก ถ้าเมื่อใดที่การพูดคุยลุกลามไปเป็นการทะเลาะกัน พ่อแม่ไม่ควรใช้คำพูดทำนองว่า “แม่เลี้ยงหนูมาขนาดนี้ ทำไมไม่เชื่อฟัง” เพราะนี่เป็นการพูดด้วยอารมณ์ ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่พูดคุย ลูกจะรู้สึกต่อต้านมากขึ้น
-
อย่าด้อยค่าลูก อย่าทำให้ลูกรู้สึกไร้ค่า ไม่ควรใช่คำพูดประเภท “ถูกคนหลอก” “ถูกครอบงำ” “ไปเชื่อตามๆกระแสกัน” คำพูดเหล่านี้จะทำให้ถูกรู้สึกถูกกดทับ และถูกผลักไสจากพ่อแม่
-
อย่าโพสต์ลง social media เพราะจะทำให้การทะเลาะกัน เปลี่ยนจากความขัดแย้งภายในครอบครัว เผยแพร่ออกสู่สารธารณะ ซึ่งจะมำให้ปัญหาซับซ้อนและยากจะแก้ไขมากขึ้น
อีกสิ่งที่อยากฝากไว้ คือเราไม่ได้จำเป็นต้องพูดคุยประเด็นที่ละเอียดอ่อนให้จบภายในครั้งเดียว หากพูดคุยกันแล้ว รู้ตัวว่าเริ่มเกิดอารมณ์รุนแรง ให้ถอยออกมา แยกย้ายกันไปสงบสติอารมณ์ก่อน เมื่ออารมณ์เย็นลงจึงค่อยกลับมาพูดคุยกันใหม่ก็ได้
เรื่องบางเรื่องก็ต้องใช้เวลาค่ะ
.
“สร้างสรรค์ ถูกต้อง และรับผิดชอบ” : ว่าด้วยขอบเขตของการแสดงออกทางการเมือง
สำหรับประเด็นเรื่องการแสดงออกมางการเมือง ทั้งพญ.เบญจพรและดร.สรวงมณฑ์ ต่างเห็นตรงกันว่า ที่จริงการที่เด็กๆ สนใจเรื่องการเมืองนั้นเป็นเรื่องที่ดี เพราะการเมืองไม่ใช่เรื่องไกลตัว มันเกี่ยวกับชีวิตเราอย่างแยกไม่ได้ และการที่เด็กสนใจการเมือง แปลว่าเขาไม่ได้มองแต่ตนเอง แต่ยังสนใจในความเป็นไปของโลกและสังคมด้วย
อย่างไรก็ดี การที่ผู้ปกครองรู้สึกเป็นห่วงเพื่อลูกๆแสดงออกทางการเมืองนั้นก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้
เนื่องจากในบ้านเมืองเรา ทางภาครัฐและสังคมไม่ได้มีพื้นที่ที่เปิดกว้างให้เด็กแสดงออกทางการเมืองมากขนาดนั้น และหลายครั้ง การออกไปแสดงออกทางการเมืองก็นำไปสู่ผลกระทบที่รุนแรงตามมา
แล้วการแสดงออกทางการเมืองอย่างสร้างสรรค์ควรเป็นอย่างไร
-
ความจริง : สิ่งสำคัญแรกสุดในการแสดงออก คือการแสดงสิ่งที่ถูกต้องและเป็นความจริง ไม่เผยแพร่ข่าวสารหรือข้อมูลที่เป็นความเท็จ
-
ความรับผิดชอบ : ทุกการกระทำย่อมมีผลกระทบตามมา จึงต้องสอนให้เด็กรู้ว่า ในทุกการแสดงออก ไม่ว่าจะคำพูดหรือการกระทำ ก็ต้องรับผิดชอบผลจากการแสดงออกนั้นด้วย
บทเรียนหนึ่งที่มนุษย์ระหว่างการการเติบโต คือการได้เผชิญเหตุการณ์บางอย่างด้วยตนเอง
หน้าที่ของพ่อแม่จึงไม่ใช่การห้าม แต่คือการสนับสนุน ให้ความรักความห่วงใย รวมถึงให้คำแนะนำ สอนว่าหากมีเรื่องไม่ดีเกิดอะไรขึ้นจากการกระทำของตน ลูกจะต้องดูแลตัวเองอย่างไร ต้องทำอย่างไร
เพื่อให้ลูกรู้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พ่อแม่จะเป็นพื้นที่ปลอดภัยของลูกเสมอ
.
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่สนใจในประเด็นในเพิ่มเติม สามารถรับชมไลฟ์ “การเมือง : บ้านไม่แตก แม้คิดต่าง” ย้อนหลังได้ที่ : https://fb.watch/9Ffb93O7yX/
.
เขียนและเรียบเรียง โดย นศพ. รินรดา คงพิบูลย์กิจ
ภาพประกอบโดย โดย วิภาวี นันทจินดา