จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกสมาธิสั้น
เมื่อ 3 ปีที่แล้ว
มีผู้ปกครองจำนวนมากถามเข้ามาว่าจะสังเกตยังไงว่าลูกเป็นสมาธิสั้น แม้แต่ผู้ปกครองที่พาลูกไปพบแพทย์และได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นสมาธิสั้นแล้ว ก็ยังไม่แน่ใจว่าลูกเป็นสมาธิสั้นจริงรึเปล่า บทความนี้่จะช่วยให้ผู้ปกครองทราบเกี่ยวกับตัวอย่างอาการที่พบบ่อยของเด็กสมาธิสั้น เพื่อใช้เป็นจุดสังเกต
อาการของเด็กสมาธิสั้นแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มอาการ ดังต่อไปนี้
1. กลุ่มอาการขาดสมาธิ (inattention)
ไม่รอบคอบ:
ไม่จดจ่อขาดสมาธิ:
ไม่ฟังเวลาพูดด้วย:
ทำงานไม่เสร็จ:
ไม่เป็นระเบียบ:
หลีกเลี่ยงงานที่ต้องใช้ความคิด:
ทำของหายบ่อย:
วอกแวกง่าย:
ขี้ลืม:
2.กลุ่มอาการซน อยู่ไม่นิ่ง (hyperactivity)
หยุกหยิกอยู่ไม่นิ่ง:
นั่งไม่ติดที่:
ซน:
ทำอะไรเสียงดัง:
พลังงานเหลือเฟือ:
พูดมาก:
3. กลุ่มอาการหุนหันพลันแล่น (impulsivity)
พูดแทรก:
รอคอยไม่เป็น:
ขัดจังหวะสอดแทรก:
ในขณะที่เด็กสมาธิสั้นจะมีอาการดังกล่าวข้างต้นหลายอาการ (มากกว่า 6 อาการในกลุ่มอาการขาดสมาธิ และ/หรือ มากกว่า 6 อาการในกลุ่มอาการอยู่ไม่นิ่งและกลุ่มอาการหุนหันพลันแล่นรวมกัน) ต้องเกิดขึ้นบ่อยมาก (excessive) เป็นทั้งที่บ้านและนอกบ้าน ที่สำคัญต้องสร้างความเดือดร้อน หรือก่อให้เกิดผลเสียต่อตัวเอง หรือคนรอบข้างอย่างมาก (impairment) โดยที่อาการดังกล่าวต้องเกิดก่อนอายุ 12 ปี
หากพ่อแม่สงสัยหรือไม่แน่ใจว่าลูกจะเป็นสมาธิสั้นรึเปล่า ควรรีบพาไปพบจิตแพทย์เด็ก หรือกุมารแพทย์พัฒนาการเพื่อการตรวจประเมินอย่างละเอียด
เรียบเรียงโดย รศ.นพ.ชาญวิทย์ พรนภดล
ภาพประกอบโดย ศิรภัสสร เย็นจิตต์
อาการของเด็กสมาธิสั้นแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มอาการ ดังต่อไปนี้
1. กลุ่มอาการขาดสมาธิ (inattention)
ไม่รอบคอบ:
- ทำงานผิดพลาด สะเพร่า เช่น ทำเลขง่ายๆ ผิด โดยผิดในจุดที่ไม่น่าผิด
- มองข้ามสัญลักษณ์เวลาทำโจทย์คณิตศาสตร์ หรืออ่านข้ามคำบางคำที่เปลี่ยนความหมายของประโยค เช่น “ไม่” “ยกเว้น”
- เขียนงาน/ลอกงานตกหล่น เขียนข้ามข้อ จดการบ้านไม่ครบ
- ทำข้อสอบข้ามข้อ หรือลืมทำบางหน้า บางตอน
- ทำงานส่งเดช ทำแบบขอไปที รีบๆ ทำให้เสร็จโดยไม่สนใจว่าจะถูกหรือผิด
ไม่จดจ่อขาดสมาธิ:
- อ่านหนังสือหรือทำงานได้ประเดี๋ยวเดียวก็หยุดทำ เปลี่ยนไปทำอย่างอื่น
- รีบอ่านเร็วๆ อ่านข้ามๆ จนทำให้จับประเด็น หรือจำเรื่องที่เพิ่งอ่านจบไม่ได้
- ช่วงความสนใจสั้น เรียนอะไรนานๆ ไม่ได้
- เล่นของเล่นแต่ละอย่างไม่ได้นาน เปลี่ยนของเล่นไปเรื่อยๆ ยกเว้นเล่นของเล่นชิ้นใหม่ หรือเป็นของเล่นที่ชอบมากจริงๆ
- ทำงานช้า ใช้เวลาทำการบ้านนานกว่าที่ควรจะเป็น
- ต้องนั่งคุม คอยเรียกกระตุ้นบ่อยๆ เพื่อให้งานเสร็จ
- หมดความสนใจในสิ่งต่างๆ ได้เร็ว โดยเฉพาะเรื่องเรียน ต้องคอยเรียก คอยกระตุ้นให้กลับมาสนใจ
ไม่ฟังเวลาพูดด้วย:
- ดูไม่ตั้งใจ หรือสนใจฟังเวลาคุยด้วย เหมือนใจลอย หรือกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่
- เหมือนไม่ได้ยินเวลาเรียกชื่อ หรือถามคำถาม ต้องเรียก ต้องพูดหลายๆ ครั้ง
- ถามซ้ำในสิ่งที่พ่อแม่/ครูเพิ่งพูดจบ หรือถามกลับมาว่า “เมื่อสักครู่พูดว่าอะไรนะ”
- เวลาจะให้ทำอะไรต้องเรียกแล้วเรียกอีก
ทำงานไม่เสร็จ:
- มักทำงานค้างไว้ ทำครึ่งๆ กลางๆ ไม่ทำให้เสร็จๆ ไป
- ทำอะไรได้ประเดี๋ยวเดียวก็เลิกทำ
- ทำงานจับจด เดี๋ยวทำนั่น เดี๋ยวทำนี่ งานไม่เสร็จสักชิ้น
- ส่งงานช้า ทำงานเลยกำหนดเวลาส่ง ต้องถูกทวงงานบ่อยๆ
- เวลามีงานใหม่ที่ดูท้าทายหรือน่าสนใจจะกระตือรือร้น สนใจทำในช่วงแรก แต่ผ่านไปสักพักก็เริ่มเบื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผ่านจุดที่น่าสนใจไปแล้ว
ไม่เป็นระเบียบ:
- มีปัญหาในการวางแผนว่าต้องทำอะไรก่อนหลัง ขาดการวางแผนล่วงหน้า ทำมั่วไปหมด
- วางสิ่งของไม่เป็นที่ กระจัดกระจาย
- กระเป๋า โต๊ะทำงาน ลิ้นชัก ตู้เสื้อผ้า ห้องนอน รก ไม่เป็นระเบียบ ถึงแม้มีคนจัดของให้เป็นระเบียบแล้ว ประเดี๋ยวเดียวก็รกอีก
- บริหารเวลา/วางแผนเวลาไม่เป็น ไม่สนใจเวลา
- ทำกิจวัตรประจำวัน เช่น แปรงฟัน อาบน้ำ แต่งตัว กินข้าว ช้า อืดอาด ยืดยาด
- ปกสมุด/หนังสือฉีกขาด กระดาษ/เอกสารยับยู่ยี่
- เอาของที่จำเป็นต้องใช้ (เวลาไปโรงเรียน เข้าค่าย หรือไปเที่ยว) ไปไม่ครบ ถ้าไม่มีคนจัดให้
หลีกเลี่ยงงานที่ต้องใช้ความคิด:
- โอ้เอ้ อิดออด ต่อรอง ลีลาเยอะเวลาจะต้องทำงาน/ทำการบ้าน
- ผัดวันประกันพรุ่ง ใช้เวลานานกว่าจะเริ่มทำงานได้
- เอื่อย เฉื่อย หมกงาน ดองงานจนทำให้มีงานค้าง
- โกหกว่าไม่มีการบ้านเพื่อจะได้ไม่ต้องทำ
- ชอบมีข้ออ้าง หรือหาทางลัดเพื่อให้ต้องทำงาน/ทำการบ้านน้อยที่สุด
- ดูเหมือนเป็นคนขี้เกียจ ขาดความรับผิดชอบ
ทำของหายบ่อย:
- มักวางของผิดที่ หาของที่ใช้ประจำไม่ค่อยเจอ เพราะจำไม่ได้ว่าวางไว้ที่ไหน หรือใช้เวลานานกว่าจะหาเจอ
- ทำสมุด หนังสือ อุปกรณ์การเรียน (ยางลบ ดินสอ ไม้บรรทัด) หรือของใช้ส่วนตัวหายบ่อย
วอกแวกง่าย:
- ฝันกลางวัน เหม่อ ใจลอย ชอบคิดเรื่องอื่นในเวลาเรียน/เวลาทำงาน
- เวลาคิดอะไรอยู่มักมีความคิดอื่นผุดแทรกขึ้นมา
- เวลามีเสียงดัง มีอะไรเคลื่อนไหว หรือใครเดินผ่านไปผ่านมา จะหยุดทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแล้วหันไปสนใจ
- สนใจสิ่งรอบตัวหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน
- กำลังพูดอยู่เรื่องหนึ่งอาจเปลี่ยนไปพูดอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกัน
ขี้ลืม:
- ลืมส่งการบ้าน
- ลืมเอาจดหมาย/เอกสารจากครูให้พ่อแม่
- ทำตามคำสั่งของพ่อแม่/ครูไม่ครบ เวลาถูกสั่งให้ทำอะไรหลายอย่างพร้อมๆ กัน
- พูดๆ อยู่แล้วลืม คิดไม่ออกว่ากำลังจะพูดอะไร
- บอกว่าเดี๋ยวจะทำอะไรก็มักจะลืมทำ
- ลืมนัด ลืมตารางเวลา จำไม่ได้ว่าเวลาไหนต้องทำอะไร
2.กลุ่มอาการซน อยู่ไม่นิ่ง (hyperactivity)
หยุกหยิกอยู่ไม่นิ่ง:
- มืออยู่ไม่นิ่ง หยิบจับ เคาะสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัว ล้วง แคะ แกะ เกา
- ขยับตัวไปมา เลื้อย ไถลตัว เวลานั่งอยู่บนเก้าอี้
- โยก หมุน ขยับเก้าอี้ไปมา
- เตะขา เขย่าขา นั่งนิ่งๆ ไม่ได้
- อยู่เฉยๆ ไม่เป็น
- ชอบหยอกล้อ แหย่ ยั่วโมโห แกล้งคนอื่น
นั่งไม่ติดที่:
- เดินไปเดินมาในเวลาเรียน
- หาเรื่องลุกออกจากที่เวลาอยู่ในห้องเรียน
- ชอบอาสาทำงานที่ต้องเคลื่อนไหว ไปโน่นไปนี่
ซน:
- ชอบปีนป่าย มุด คลาน วิ่งไปมา (พบในเด็กเล็ก เด็กวัยอนุบาล หรือวัยประถม)
- รู้สึกอึดอัด เบื่อ กระวนกระวาย เมื่อต้องอยู่นิ่งๆ (พบในวัยรุ่น หรือวัยผู้ใหญ่)
- มักได้รับบาดเจ็บจากการเล่นซน หรือทำกิจกรรมที่เสี่ยงอันตราย
- ชอบทำอะไรที่ตื่นเต้น ท้าทาย หวาดเสียว
- เล่นแผลงๆ เป็นตัวป่วน รบกวนคนรอบข้าง
ทำอะไรเสียงดัง:
- เล่นโฉ่งฉ่าง เล่นเสียงดัง มักโยนหรือกระแทกของเล่นให้เกิดเสียงดังๆ
- ชอบตะโกน โวยวาย ส่งเสียงร้องกรี๊ด เวลาเล่นสนุกหรือตื่นเต้น
- ส่งเสียงดังเวลาอยู่ในห้องเรียน
- มักทำอะไรบางอย่างให้เกิดเสียงขึ้นมา เวลาอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องการความเงียบสงบ
พลังงานเหลือเฟือ:
- ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย มักหาอะไรทำตลอดเวลา
- เล่นแรง หรือชอบทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงมากๆ
- คนเลี้ยง/คนดูแลมักจะเหนื่อยหรือหมดแรง เวลาที่ต้องดูแลเด็กกลุ่มนี้
พูดมาก:
- พูดได้ตลอดเวลา พูดไม่หยุด จนสร้างความรำคาญให้คนรอบข้าง
- พูดไม่ถูกกาลเทศะ พูดเรื่อยเปื่อย พูดไร้สาระ
- พูดเสียงดัง หรือชอบส่งเสียงประหลาดๆ
- ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุดพูด
- พูดโดยไม่คิด จนทำให้คนฟังโกรธหรือเสียความรู้สึก
3. กลุ่มอาการหุนหันพลันแล่น (impulsivity)
พูดแทรก:
- พูดโพล่งขึ้นมาในขณะที่ผู้อื่นยังพูดไม่จบ
- ชิงตอบคำถามก่อนที่จะฟังคำถามจบ
- ตะโกนตอบคำถามที่ครูถาม โดยไม่ยกมือหรือรอให้ครูเรียกตอบ
รอคอยไม่เป็น:
- ไม่ชอบเข้าคิว ชอบแซงคิว
- ใจร้อน อยากได้อะไรต้องได้เดี๋ยวนั้น
- ความอดทนต่ำ ล้มเลิกความตั้งใจง่าย
- ลงมือทำงานโดยไม่รอฟังคำสั่งให้จบว่าต้องทำอะไรบ้าง
ขัดจังหวะสอดแทรก:
- ขาดความยับยั้งชั่งใจ ทำอะไรโดยไม่คิดถึงผลที่ตามมาว่าจะเสียหายเพียงใด
- บุ่มบ่าม ไม่ดูตาม้าตาเรือ ไม่สังเกตว่าคนอื่นกำลังทำอะไรอยู่
- โดดเข้ากลางวงขณะเพื่อนๆ กำลังเล่นอยู่ จนทำให้วงแตก
- แย่ง หยิบของจากมือคนอื่นโดยไม่ขออนุญาตก่อน
- ก้าวก่าย จุ้นจ้านเรื่องของคนอื่นโดยไม่ได้เจตนา
ในขณะที่เด็กสมาธิสั้นจะมีอาการดังกล่าวข้างต้นหลายอาการ (มากกว่า 6 อาการในกลุ่มอาการขาดสมาธิ และ/หรือ มากกว่า 6 อาการในกลุ่มอาการอยู่ไม่นิ่งและกลุ่มอาการหุนหันพลันแล่นรวมกัน) ต้องเกิดขึ้นบ่อยมาก (excessive) เป็นทั้งที่บ้านและนอกบ้าน ที่สำคัญต้องสร้างความเดือดร้อน หรือก่อให้เกิดผลเสียต่อตัวเอง หรือคนรอบข้างอย่างมาก (impairment) โดยที่อาการดังกล่าวต้องเกิดก่อนอายุ 12 ปี
หากพ่อแม่สงสัยหรือไม่แน่ใจว่าลูกจะเป็นสมาธิสั้นรึเปล่า ควรรีบพาไปพบจิตแพทย์เด็ก หรือกุมารแพทย์พัฒนาการเพื่อการตรวจประเมินอย่างละเอียด
เรียบเรียงโดย รศ.นพ.ชาญวิทย์ พรนภดล
ภาพประกอบโดย ศิรภัสสร เย็นจิตต์
เน็ตป๊าม้า ขอแนะนำหลักสูตรออนไลน์ สอนเทคนิคเชิงบวกในการปรับพฤติกรรมเด็ก
คอร์สเร่งรัด
เหมาะสำหรับผู้ปกครองที่มีพื้นฐานการปรับพฤติกรรมเด็กเชิงบวกอยู่แล้ว
แต่ต้องการแก้ไขปัญหาพฤติกรรมเด็กที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น
คอร์สจัดเต็ม
เหมาะสำหรับผู้ปกครองที่ต้องการเรียนรู้และฝึกใช้เทคนิคการปรับพฤติกรรมเด็ก
อย่างเป็นขั้นบันได เพื่อเตรียมพร้อมที่จะนำไปรับมือกับปัญหาพฤติกรรมเด็ก
อย่างมั่นใจ