แก้ปัญหาพ่อแม่ปรี๊ดแตก...ด้วยการขอเวลานอก
“มันเหลืออดแล้วจริงๆ ค่ะ ไม่รู้จะทำอย่างไร เลยเผลอฟาดไปทีสองที”
“ไม่ได้อยากจะตีหรอกค่ะ แต่มันสุดจะทนแล้ว”
“ที่ทำลงไปก็รู้สึกผิดนะคะ แต่ถ้าไม่ตีก็ไม่หยุดโวยวายซะที”
เป็นประโยคที่มักได้ยินบ่อยๆ จากพ่อแม่ที่กำลังปวดหัวกับปัญหาอารมณ์และพฤติกรรมของลูก สรุปใจความได้ว่าไม่มีใครอยากตีลูก และมีหลายครั้งเลือกที่จะจัดการอารมณ์ตัวเองโดยการขอเวลานอก เดินออกมาให้ใจร่มๆ ก่อน เพราะถ้าอยู่ก็คงต้องมีฟาดกันบ้าง
แต่ก็มักจะมีคำถามตามมาคือ ลูกจะรู้สึกแย่หรือกลายเป็นเด็กมีปัญหามั้ย ลูกจะคิดว่าเราไม่รักหรือเปล่า
คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับวิธีการเดินออกมาค่ะ
- ก่อนเดินออกมา เป็นขั้นตอนที่สำคัญมากทีเดียว ควรพูดให้ลูกรู้ถึงความรู้สึกและความต้องการของเรา โดยที่ไม่ทำให้ลูกรู้สึกแย่อย่างที่พ่อแม่กังวลข้างต้น
1. บอกลูกสั้นๆ ว่า “แม่โกรธที่ลูก…” ด้วยความนิ่ง ไม่ใส่อารมณ์ เช่น แม่โกรธที่ลูกตะโกนและพูดคำหยาบกับแม่แบบนี้
***ขอให้งดตำหนิที่ตัวตนลูกว่า ดื้อ ก้าวร้าว เอาแต่ใจ เถียง ไม่มีสัมมาคารวะ อกกตัญญู เช่น แม่โกรธที่หนูก้าวร้าวแบบนี้ เพราะเป็นการต่อว่าตัวตนทั้งหมดของลูก ทำให้ลูกสับสนและเข้าใจผิดว่าแม่ไม่รักเขาแล้ว
- เราเดินหนี แต่ลูกเดินตาม เป็นสิ่งที่มักเจอได้บ่อย เพราะลูกเป็นห่วงความรู้สึกของพ่อแม่ อยากให้พ่อแม่หายโกรธแล้วพูดกับเขาดีๆ หรือลูกอยากรบเร้าเอาสิ่งที่ต้องการอยู่ จึงควร
1. ตั้งสติ และหันไปบอกลูกด้วยท่าทีนิ่งๆ ว่า “แม่ยังไม่พร้อมคุย” และย้ำความต้องการอีกครั้ง
2. เพิกเฉยพฤติกรรมและคำพูดของลูกในขณะนั้น ข้อนี้เป็นเรื่องยากและท้าทายความอดของคนเป็นพ่อเป็นแม่มาก แต่ขอให้พยายามอดทนต่อไป แล้วลูกจะเรียนรู้ว่าการเรียกร้องความสนใจตอนนี้ไม่ได้ผล
- กลับมาคุยใหม่ หลังจากที่อารมณ์สงบมากขึ้น ให้กลับไปหาลูกแล้วปรับความเข้าใจกันด้วยสติ และอย่าลืมขอบใจลูกที่ให้พื้นที่แม่ได้จัดการอารมณ์ตัวเองด้วยนะคะ
เขียนและเรียบเรียง ปันณ์นภัส ธนอริยาไพศาล (นักจิตวิทยา)
ภาพประกอบ ณัฏฐธิดา สุวรรณโยธิน